วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ป้า"ซูซาน บอยด์"เขิน ปฎิเสธพบปะปธน.โอบามา

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:29:23 น.  มติชนออนไลน์

ป้า"ซูซาน บอยด์"เขิน ปฎิเสธพบปะปธน.โอบามา

เผยซูซาน บอยด์ เขินปฎิเสธพบผู้นำสหรัฐ ขออยู่บ้านใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ ดีกว่า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่า นางซูซาน บอยด์ คุณป้าวัย 48 ปี ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกหลังโชว์พลังเสียงในรายการ"Britain got talent"ได้ปฎิเสธที่จะพบกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ แต่ขออยู่บ้านและสระผมดีกว่า โดยเธอรู้สึกช็อคและตื่นเต้นหลังจากได้รับเชิญดังกล่าว และขอปฎิเสธเนื่องจากเร็วเกินกว่าที่เธอจะตั้งตัว
 
รายงานระบุว่า แหล่งข่าวระบุว่า ซูซานได้รับการบอกเล่า ประธานาธิบดีโอบามาได้ดูคลิปของเธอทางทีวีและรักเสียงร้องของเธอ ซึ่งเธอก็รู้สึกภูมิใจ แต่เธอขออยู่กับเจ้า"เพ็บเบิ้ล"แมวของเธอ,สระผม และดูรายการ"Britain got talent"รอบต่อไปดีกว่า และว่าเธอจะต้องตื่นเต้นอย่างสุดขีดแน่ หากเธอไป แต่เธอก็ฝันที่จะได้ร้องให้นายโอบามาได้ฟังสักวัน
 
ก่อนหน้านี้ เครือข่ายทีวีสหรัฐต่างสนใจที่จะเชิญนางซูซานมาเป็นแขกพิเศษ ในงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำประจำปีของสื่อมวลชนสหรัฐในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่เดอะ ซัน ระบุว่า การที่นางซูซานปฎิเสธนัดกล่าว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ปล่อยให้ความดังมาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบ้าน ๆ ของเธอ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1241933436&grpid=03&catid=06

Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits. Check it out.

สับปะรด แก้ไอ แก้เสมหะ ระงับอาการอักเสบ น้ำลายเหนียว ขับปัสสาวะ ฟอกเลือด แก้บวม

 
 

สับปะรด

 

ข้อมูลทั่วไป

สับปะรด

Ananas  ccmosus  (Linn.)  Merr.

Fam. :BROMELIACEAE

ชื่ออื่น 

ขนุนทอง ยานัด (ใต้) สับรด (ระนอง) มะขะนัด มะนัด (เหนือ) บ่อนัด (เชียงใหม่) แนะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เนะซะ (กะเหรี่ยง-ตาก) ม้าเนื่อ (เขมร) หมากเก็ง (เงี๊ยว-แม่ฮ่องสอน) สับปะรดลาย (กรุงเทพฯ) ลิงทอง (เพชรบูรณ์) 

ลักษณะทั่วไป

ต้น      เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นแตกออกมาเป็นกอใหญ่ไม่มีกิ่งก้านมีแต่เพียงกาบใบที่ห่อหุ้ม ลำต้นเอาไว้ มีปล้องสั้น สูงประมาณ 1-3 ฟุต

ใบ       แตกเป็นกอ เรียงแบบันไดเวียนอย่างหนาแน่นไม่มีก้านใบ ใบเรียวยาว ปลายแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบใบมีหนามบ้างเล็กน้อย ผิวใบเรียบ ด้านบนสีเขียวเข้ม และทางสีแดง ด้านล่างออกสีขาวปนน้ำเงิน ใบกว้างประมาณ 2.5 นิ้ว ยาว 1 เมตร

ดอก     เป็นช่อใหญ่ โผล่ออกจากกลางกอ มีดอกหนาแน่น ก้านช่อใหญ่แข็งแรงยาวประมาณ 3-6 นิ้ว กลีบดอกมี 3 กลีบ ขนาดเล็ก ด้านบนสีฟ้าอมม่วง ด้านล่างสีขาว มีเกสร 6 อัน เรียงกัน 2 ชั้น

ผล     ลักษณะผลเป็นรูปมนรี โคนกว้างกว่าส่วนปลาย ปลายผลจะมีใบเป็นกระจุกสีเขียวเข้ม ผลโตมีตาอยู่รอบผล เมื่ออ่อนเป็นสีเขียว พอแก่เป็นสีเหลืองสดและฉ่ำน้ำ

การขยายพันธุ์         ขยายพันธุ์ด้วยการปัก ชำตะเกียงหรือส่วนที่อยู่ตรงปลายของผล  และ อาจจะใช้วิธีการนำหน่อไปปลูก แต่จะต้องกลบ ดินให้แน่นอย่าให้น้ำขังควรปลูกให้ลึกประมาณ 4  นิ้ว 

ส่วนที่ใช้   ใบสด  ผล  (ดิบและสุก)  ราก  เปลือก  ยอดอ่อนสับปะรด  

สรรพคุณ

ใบสด          เป็นยาขับปัสสาวะ  แก้กระษัยทำ ให้ไตมีสุขภาพดีและใช้เป็นยาถ่ายหรือฆ่าพยาธิ ในท้อง          

ผล             แก้ไอ  แก้เสมหะ  ระงับอาการอักเสบ น้ำลายเหนียว  ขับปัสสาวะฟอกเลือด  แก้บวม และถ้าเป็นผลดิบจะใช้ห้ามเลือด  ขับระดู  ฆ่าพยาธิ  และถ้าผลสุกใช้ขับปัสสาวะ แก้หนองใน  มุตกิต  ช่วยย่อยอาหาร  ขับเหงื่อ  บำรุงกำลัง 

ยอดอ่อนสับปะรด           แก้นิ่ว  แก้นิ่วเลือด

เปลือก        แก้กระษัยทำให้ไตมีสุขภาพดี  ขับ ปัสสาวะ  ถ้าผสมกับสมุนไพรอื่นจะแก้ขัดเบา

ราก            ขับปัสสาวะ  แก้นิ่ว  แก้มุตกิตระดูขาว แก้หนองใน  แก้ขัดข้อ  แก้กระษัย  กัดและล้าง ทางเดินปัสสาวะ   

http://ittm.dtam.moph.go.th/Service/herb_data/herb_ssm55.htm

Hotmail® goes with you. Get it on your BlackBerry or iPhone.

คนวงการเน็ตรวมพล หวังฟื้นศก.-ภาพลักษณ์ให้ไทย

Pic_4752

ผุดโครงการ "ช่วยชาติด้วยอินเทอร์เน็ต" เตรียมสร้างความเชื่อมั่นคืนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วางกรอบดำเนินงานขั้นแรก 3 เดือน พร้อมให้ ททท. พิจารณาและนำไปใช้จริง มั่นใจพลังสร้างสรรค์ช่วยคลี่คลายวิกฤต...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 พ.ค. 52) สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ชมรม Search Engine และกลุ่มคนทำงานด้านออนไลน์ ได้จัดประชุมเพื่อหารือและกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน ในโครงการ "ช่วยชาติด้วยอินเทอร์เน็ต" (Thailand National Online Campaign) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจด้วยสื่ออินเทอร์เน็ต

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ทีมงานกำหนดระยะเวลาของการดำเนินงานไว้ประมาณ 3 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมและรายละเอียดต่างๆ ในการดำเนินงานให้ชัดเจน เชื่อว่า จุดแข็งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานที่แต่ละคนมี รวมถึง ความร่วมมือจากคนไทยทั้งประเทศและผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต จะสามารถผลักดันให้โครงการดังกล่าวเกิดความสำเร็จและเป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน

อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ทีมงานแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1.Online Marketing
2.Site for Tourist และ
3.Site by Thai
เพื่อความรวดเร็วและกระจายการทำงานภายใต้หลักการเดียวกัน เพื่อมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเน้นที่การซื้อขายเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศไทย เนื่องจาก ทีมงานส่วนใหญ่มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทัศนคติของชาวต่างชาติให้ดีขึ้น ภายหลังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและวิกฤตการณ์ด้านต่างๆ ด้วยการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลในด้านบวก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ทีมงานและผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุม เพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินงาน และสรุปรายละเอียดเพื่อเตรียมดำเนินงานขั้นต่อไป ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ เพื่อเสนอโครงการดังกล่าวให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. พิจารณาต่อไป
 
http://www.thairath.co.th/content/tech/4752



Hotmail® goes with you. Get it on your BlackBerry or iPhone.

ไม้มงคลประจำวันเกิด ส่งเรื่องราวดีดีมาให้คุณอ่าน

คุณ ไม้มงคลประจำวันเกิด ได้เข้าเวบ www.oknation.net และส่งเรื่องราวดีดีมาให้คุณอ่าน : อ่านเรื่อง คลิ๊กที่นี่ http://www.oknation.net/blog/kitsyanee/2009/05/08/entry-1 ....................................................................... ผู้ส่ง ไม้มงคลประจำวันเกิด

Mobile Charms: เสน่ห์สุดปลายนิ้วและรอบริมใบหู

Mobile Charms: เสน่ห์สุดปลายนิ้วและรอบริมใบหู
โดย แดงส์ ตักสิลา 2 มีนาคม 2552 10:55 น.
       fashionhora@gmail.com
       


       โทรศัพท์มือถือกลายมาเป็น "ลมหายใจแห่งปัจจัยดำรงชีวิตประจำวัน" ของคนเมืองแฟชั่นทุกวัย ไปไหนมาไหน ในห้าง ในลิฟท์ ริมถนน รถประจำทาง แท็กซี่ รถใต้ดิน รถไฟฟ้า แม้แต่ในโรงหนัง สุ้มเสียงตั้งแต่กระซิบ ป้องปาก จนกระทั่งเปิดปากพูดแบบไม่เกรงใจหูคนรอบด้าน ทุกวินาทีต่างร่วมการเสริมสร้างรายได้ให้กับ ผู้ประกอบการธุรกิจขายคลื่นสื่อสารผ่านอากาศ ร่ำรวยกันด้วยโปรโมชั่นจูงใจ หรือกิจกรรมสร้างกระแส เป็นแฟชั่นที่ต้องเสพ ไม่งั้น ล้า หลุด ไม่เท่าทัน ไม่เท่าเทียมกลุ่มสังคมที่ตนร่วมอยู่

       Mobile Phone หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นความสะดวก ความฉับไว ความทันทีทันใจ สำหรับคนยุคนี้ โดยเฉพาะสาวน้อยวัยใส ด้วยรูปลักษณ์ของความกะทัดรัด แบนเล็ก ทำให้ต้องมีระบบป้องกันการทำตกหล่นเสียหาย ทุกเครื่องมีช่องเป็นรูเล็กๆ เอาไว้ให้ร้อยสายสอดนิ้ว หรือข้อมือ แรกๆก็แถมมากับการซื้อมือถือ ด้วยรูปลักษณ์กลางๆเป็นสาย และมีส่วนประดับด้วยสัญลักษณ์ หรือโลโก้แบรนด์มือถือนั้น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ใช้สอย ไม่สนความงามใดๆ แต่เมื่อเริ่มซ้ำกัน มองไปมองมาชักเกิดความคิดใหม่ทั้งผู้ใช้และผู้ขาย
       
       รูปแบบมือถือเริ่มมีดีไซน์มาก ไม่เรียบ ไม่เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารเสียแล้ว กลายมาเป็นเสมือนเครื่องประดับบนมือถือกัน ให้เท่ห์ ให้เก๋ รวมทั้งดูเซ็กซี่อีกต่างหาก
       อิทธิพลพลังสะท้อนอารมณ์ทางสายตา บนมือถือเริ่มมีลูกเล่น มีลีลา มีความหวือหวามาก แรกๆก็ถักทอกันเอง หรือมีการทำออกมาขายในแผนกเครื่องเขียน เป็นสายหนังเรียบ โซ่เก๋ๆ เน้นความคลาสสิก เรียบหรู ดูดี เพราะแรกๆโทรมือถือเป็นเครื่องมือของคนทำธุรกิจ ใช้ติดต่อการงานระหว่างกันและกัน ซึ่งต้องให้มีรูปแบบ หรือดีไซน์สัมพันธ์กับสไตล์การแต่งกายไปทำงาน (Workwear Style) ที่รุงรังรุ่มร่ามนักคงไม่เหมาะ
       
       ด้วยความห่วงใยในการสื่อสารติดต่อระหว่างพ่อแม่กับลูกๆ เวลาไปรับกลับบ้านตอนเย็น นับตั้งแต่ยุค Pager หรือวิทยุติดตามตัว ที่ส่งข้อความให้ได้รับด้านเดียว ลูกๆโต้ตอบไม่ได้ เพียงคำบอกว่าให้ไปรอที่ไหน พ่อแม่กำลังมา หรืออาจมาช้าให้เล่นไปก่อน และในที่สุดเมื่อยุคดิจิตอล กลายมาเป็นแฟชั่น หรือสิ่งที่ทุกวัยต้องมี ประกอบกับมือถือราคาถูก ค่าบริการมีโปรโมชั่นมากมาย และพ่อแม่รู้สึกฉับไว เวลาติดต่อลูกเพราะพูดคุยโต้ตอบกันได้ทันที ทันเวลา ยุควัยรุ่นสุดฮิตก็ PCT โทรศัพท์เคลื่อนที่เบอร์เดียวกับบ้าน และที่สุดก็หลุดสมัย ตกรุ่นไป เพราะแบบมันเชย ไม่โดนใจวัยโจ๋ กลับมาถือมือถือสีสัน ตามแฟชั่นกันถ้วนหน้า
       
       ทุกวันนี้แม้เด็กอนุบาลก็มีมือถือ ใช้โทรระหว่างพ่อแม่ และพัฒนาเป็นการโทรระหว่างเพื่อน และพอกระแส sms ร้อนแรง แรกๆก็แค่ตัวอักษร แต่พอมีกล้องติดมือถือ ถ่ายทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เล่นกันสนุก สื่อสารกันสุดเหวี่ยง ทั้งเรื่องธรรมดา จนเรื่องลับในที่ลับที่กลายมาเป็น "คลิปหลุด" แบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ

       สิ่งที่จะเห็นกระแสแนวนิยมต่อเนื่องจากกระเป๋าถือ หรือเป้วัยรุ่น ก็คือ การสร้างเสน่ห์หรือความน่าสนใจที่สายโทรศัพท์มือถือ ที่พัฒนาจากการมีสายเพื่อป้องกันการหล่น มาเป็นเครื่องประดับสไตล์ Mobile Charms มีทั้งห้อยรุ่งริ่ง รุงรัง ยาวเกือบลากพื้น ถักสายสีสัน ตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อย ตัวการ์ตูน รูปลักษณ์แปลกๆ จนกระทั่งแต่งประดับบนตัวเครื่อง แล้วที่สุดก็กลายมาเป็นสินค้าแฟชั่นแยกซื้อ และกล้าซื้อของคนวัยใส หรือหลากวัย ไม่เว้นสาวทำงาน แรกๆ เราก็เห็นพวงตุ๊กตาห้อยที่ปลายซิปกระเป๋าสะพายหลัง ที่เห็นกันจนชินตา และมาเพิ่มกันที่สายโทรมือถือ
       
       ถ้าเป็นวัยรุ่นวัยใส แฟชั่นสายมือถือ มักจะสอดคล้องสัมพันธ์กับสไตล์การแต่งกาย ที่ใส่ซ้อน ใส่แบบพะรุงพะรังแล้วดูน่ารัก พร้อมๆไปกับท่วงท่าสดใส น่ารัก มันดูดี เหมาะสมลงตัวกับตัวตนคนวัยใส
       

       แต่กระแสแฟชั่นสายมือถือ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์สุดปลายนิ้วที่จับมือถือแนบกับรอบริมใบหู กระจายความร้อนแรงไปสู่สาวหลากวัยที่พ้นวัยใส แต่เป็นวัยทำงานที่ต้องปรากฏกาย ในสภาวะทำงานพบปะกับผู้คนที่มาหารือ หรือแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ ซึ่งสไตล์การแต่งกายแตกต่างกับวัยใส ดูเรียบเท่ห์น่าเชื่อถือ แต่พอมาเล่นกระแสสายมือถือตามแฟชั่นวัยใส ก็ทำให้เวลาพูดคุยโทรมือถือ เริ่มขัดสายตา และอารมณ์สะดุดต่อผู้พบเห็น
       
       คงได้เวลาที่ต้องหันมาปรับแต่งเติมสไตล์ Mobile Charms ให้เป็นเครื่องประดับสุดปลายนิ้วที่ใช้งานบริเวณรอบริมใบหู ที่ดูดี เหมาะสมลงตัว (Look Good, Look Right, Look Great) กับตัวตนที่ใช่คุณในสภาวะ สะท้อนภาพลักษณ์ทางอาชีพ (Career Image) หรือสะท้อนภาพลักษณ์สถานที่ที่ทำงาน(Workplace Image) หรือภาพลักษณ์องค์กร (Corporate Image) รวมทั้งภาพลักษณ์ในการปรากฏกายในสังคม (Social Image)
       

       
ถ้าใจมันร่ำร้อง อยากมีเสน่ห์สายมือถือสไตล์หวือหวา ก็คงต้องปรับแต่งเติมสไตล์การแต่งกายให้เหมาะสมสัมพันธ์ เน้นให้เสริมเสน่ห์กันและกันแบบครบเครื่องนะครับ
http://www.manager.co.th/Lady/ViewNews.aspx?NewsID=9520000023620


Hotmail® goes with you. Get it on your BlackBerry or iPhone.

“รสนิยม + ค่านิยม + แนวนิยม” สมดุลพลังชีวิตเส้นผม

"รสนิยม + ค่านิยม + แนวนิยม" สมดุลพลังชีวิตเส้นผม
โดย แดงส์ ตักสิลา 29 เมษายน 2552 11:04 น.
       fashionhora@gmail.com
       
       โหราแฟชั่นครั้งนี้สำหรับแฟนๆ ที่เป็นช่างผมโดยเฉพาะ และลูกค้าก็อาจจะเก็บตกไปเป็นความรู้ หรือแนวคิดหารือ สร้างสมดุลความงามของเส้นสายลายชีวิตเส้นผม ที่ต้องการได้จากช่างผมคู่ใจ โดยเฉพาะ "ช่างผมไทย" ต้องยอมรับและเตรียมตัวเตรียมใจได้แล้ว เพราะเดิมช่างผมเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่เมื่อก้าวสู่โลกเสรี ก็ต้องกลายเป็นอาชีพเสรี ซึ่งในไม่ช้าจะมีช่างผมต่างชาติ ต้นตำหรับที่ช่างไทยบินไปรับเทคนิค หรือมีช่างต่างชาตินำมาเผยแพร่เทคนิค จะมาเปิดกิจการทำธุรกิจแข่งกับช่างไทย ซึ่งไม่รู้จะมีสภาวะเหมือนกับโชว์ห่วย กับค้าปลีกต่างชาติ ที่เป็นปัญหาคาใจจนบัดนี้

       กว่าจะเกิดภาพรวม สไตล์เส้นผม เป็นรูปลักษณ์ รูปแบบ ลีลาหลากหลาย ทั้งที่ปรากฏเป็น "แนวโน้มแฟชั่นทรงผม (Hairstyle Trend)" เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มช่างผมมืออาชีพระดับแนวหน้า และกลุ่มดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลก ล้วนต้องมีการประเมินผลลัพธ์ของการยอมรับในฤดูกาลที่ผ่านมา แล้วมาประเมินผลลัพธ์ที่คาดหวัง สัมพันธ์กับการพิจารณากระแสเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองโลกไร้พรมแดน การจะยึดครอง ผู้บริโภคแฟชั่น (Fashion Consumers) ได้มากที่สุด การวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำกันอย่างจริงจัง เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำที่ถูกทิศถูกทาง
       
       ผมมีลูกศิษย์ที่มาเรียนด้านแฟชั่นที่ตักส์ศิลา โดยมีอาชีพหลักเป็นช่างผมและช่างเสริมสวยหลายคน ถามเขาว่า "มาเรียนไปทำไม ที่ทำอยู่ก็ลูกค้ามากจนล้นมือแล้วมิใช่หรือ" ส่วนใหญ่จะบอกว่ามีปัญหาด้านการปรับทัศนคติ และโลกทัศน์ กับลูกค้า และลูกน้องในร้าน ตลอดจนการตอบคำถามลูกค้าได้ไม่ชัดแจ้ง ที่สำคัญ ต้องต่อสู้กับความลงตัวระหว่างคำ 3 คำ คือ "รสนิยม ค่านิยม และแนวนิยม" ว่าขณะที่กำลังดูแลลูกค้า จะต้องหาค่าเฉลี่ยให้สมดุลอย่างไร จึงต้องมาเรียนรู้ด้านศิลปะศาสตร์แฟชั่น เพื่อนำเอาภาษาแฟชั่น ไปใช้เจรจาจูงใจ ลูกค้าให้ถูกทาง เพราะคงจะใช้แค่ฝีมือที่ทำผมให้ลูกค้าได้ทุกรูปแบบจะครองใจลูกค้าได้ยั่งยืน..คงไม่พอ

       ดังนั้นผมจึงอยากจะนำเอาคำ 3 คำนั้น มาถ่ายทอดให้กับแฟนประจำของ "โหราแฟชั่น" ทั้งช่างผมและลูกค้าได้นำไปบริหารจัดการให้เกิดผลลัพธ์ที่โดนใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างสมดุล
       
       รสนิยม (Style/Taste) เป็นความชอบส่วนตัว ที่ฝังใจลึกล้ำ ในตัวตนของทั้งลูกค้าและช่างผม ถ้าเผอิญตรงกันก็จบ ถ้าไม่ตรงกันก็ต้องดูว่า ใครนำ ใครตาม คนนั้นได้นำเอารสนิยมส่วนตัวมาเป็นบทสรุป
       
       ค่านิยม (Fashion) เป็นความพึงพอใจของกลุ่มคน กลุ่มสังคม วิถีชีวิต ที่เกาะกลุ่ม ทั้งลูกค้า และช่างผม จุดนี้ทำให้กลายมาเป็นรูปลักษณ์ และเอกลักษณ์กลุ่ม และพัฒนาเป็นแบรนด์ ทำให้เกิดกระแสนำ กระแสตาม กระแสเลียนแบบ และที่สุดก็เชือดเฉือนกันด้วยราคา หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์
       
       แนวนิยม (Trend & Influence) เป็นการนำเสนอรูปแบบใหม่ สไตล์ใหม่ กระแสที่คาดว่าจะมาแรงเร็วๆ นี้ ส่วนใหญ่จะมาจากช่างผมมืออาชีพ ที่มีสายสัมพันธ์กับต่างประเทศ หรือเดินทางไปสัมมนา หรือมีกิจกรรมร่วมกับผลิตภัณฑ์แบรนด์ดัง แนวนิยมจะส่งผลให้เกิดค่านิยม และแยกกระจายไปตามรสนิยม พูดง่ายๆ แนวนิยมสไตล์เดียวอาจเกิดค่านิยมหลากหลายกลุ่ม อยู่ที่รสนิยมของช่างผมมืออาชีพ จะพัฒนา ปรับรูปแบบ หรือเกิดจากสไตล์ที่ไปตรงกับรสนิยมของลูกค้าส่วนใหญ่ ที่สุดแนวนิยมจะคงอยู่นานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกระแสใหม่ ที่จะมีความแรง จนเบียดแซง หรือล้มแนวนิยมเดิมได้หรือไม่

       จาก แนวนิยมสู่ค่านิยม และปรับเป็นรสนิยม สไตล์เส้นสายลายเส้นผมของช่างผม ไม่ว่าจะเป็นแค่ร้านเดียว มีหลายสาขา หรือเติบโตเป็นแบรนด์ ขยายเป็นแฟรนส์ไชส์ กำลังจะต้องก้าวสู่การจัดรูปแบบที่มีรูปลักษณ์อย่างมี เอกลักษณ์เฉพาะ (Independently Unique) จากภายในสู่ภายนอก และการนำเสนอเชิงประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง กิจกรรม งานโชว์ จะต้องสะท้อนภาพที่ตรงกับศักยภาพทีมงานภายใน ที่มิได้เพียงแค่การนำเสนอเชิงสร้างภาพเป็นค่านิยมเฉพาะบุคคล หากบุคคลที่เป็นผู้นำและอาจได้รับการยอมรับจากสังคมแฟชั่นทรงผม ในด้านความเป็นผู้นำจะต้องตระหนักว่า "รสนิยมส่วนตนจะต้องพัฒนาเป็นหลักการที่ ฝึกพัฒนาให้กลายเป็นค่านิยมทีม และรูปแบบการให้บริการอย่างมีระบบ ที่มิใช่โดดเด่น แค่การนำเสนอคนๆ เดียว"
       

       
ซึ่งหากระบบการผสมผสานค่าเฉลี่ยของรสนิยม ค่านิยม แนวนิยม ให้สอดคล้องสัมพันธ์กันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะมีโอกาสพัฒนาองค์กรของตนเอง ก้าวไปสู่ความเป็น "สถาบันช่างผมมืออาชีพ ที่อาจมีบทบาทในการกำหนด แนวโน้มแฟชั่นทรงผมได้ด้วยตนเองก็ได้" เติมเต็มต่อแต้มศักยภาพตัวตน ให้พร้อมจะยืนหยัดสู้กับธุรกิจช่างผมของต่างชาติ ที่จะพาเหรดเข้ามายึดตลาดให้ได้ !
http://www.manager.co.th/Lady/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047917

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

HEP Forum : แนะเคล็ดลับแต่งกายเสริมพลังชีวิต 4 ตัวตน ฟรี !

HEP Forum : แนะเคล็ดลับแต่งกายเสริมพลังชีวิต 4 ตัวตน ฟรี !
โดย แดงส์ ตักสิลา 24 มีนาคม 2552 23:07 น.
       fashionhora@gmail.com
       


       เป็นเรื่องที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า อิทธิพลแห่งผลลัพธ์ของภาพรวมจากการแต่งกายของเรา สร้างผลบวกลบต่อผู้อื่น ต่อพลังความสำเร็จของชีวิตประจำวัน ทั้งชีวิตส่วนตัว (Personal Lifestyle) ชีวิตด้านอาชีพ(Career Lifestyle) ชีวิตในที่ทำงาน (Workplace Lifestyle) และชีวิตในสังคม (Social Lifestyle)
       
       เราอาจมีประสบการณ์ "การแต่งกายเป็น" แต่ว่าจะ "แต่งกายแล้วดูดี เหมาะสม ลงตัว" กับตัวตนทุกสภาวะ วาระโอกาส อย่างมีกาลเทศะหรือไม่ นั่นคือประเด็นที่น่าจะให้ความสนใจกันในวันนี้
       
       ปัจจุบันผู้บริหารหน่วยงานรัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำ ต่างให้ความสนใจในการสร้าง "ตัวตนแบรนด์องค์กร" (Corporate Brand) และการสร้าง "ภาพลักษณ์องค์กร" (Corporate Image) อาจเป็นการตกแต่งอาคารสถานที่ สื่อสารการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ ลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการ แต่ปรากฏปัญหาและอุปสรรคที่เหมือนเส้นผมบังภูเขา ที่ภาพลักษณ์การแต่งกายบุคลากร ที่เป็นเสมือน เฟอร์นิเจอร์เคลื่อนที่ หรือเครื่องประดับองค์กร ขาดภาพรวมที่สัมพันธ์กับภาพลักษณ์หรือภาพพจน์องค์กรที่นำเสนอไว้
       
       บางองค์กรก็กำหนดให้ทุกคนแต่งเครื่องแบบ (Uniform) บางองค์กรก็เลือกผ้าเลือกสีเหมือนกัน แต่ให้อิสระด้านรูปแบบ (Unity) จนกระทั่งบางองค์กรให้ทุกคนแต่งกายอิสระ (Freestyle) ซึ่งแต่ละเงื่อนไขได้ผลบวกผลลบต่อภาพรวมของภาพลักษณ์แตกต่าง สับสน อึดอัดทั้งผู้บริหารและบุคลากร

       ในขณะเดียวกันสาวๆ ทุกคนต่างก็ขาดความรู้หรือหลักการที่ถูกต้อง ในการเลือกสไตล์แฟชั่น ที่น่าจะทำให้ตนดูดี เหมาะสม ลงตัวกับรสนิยม ค่านิยมส่วนตัว และไปได้กับภารกิจชีวิตประจำวัน
       
       ด้วยเหตุดังกล่าว ผมจึงนำเอาแนวคิดที่ได้ฝากไว้เมื่อครั้งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจ ส่งวันเดือนปีเกิด ไปขอรับ HEP Lifecode หรือรหัสพลังตัวตนกลุ่ม และส่งข้อมูลเบื้องต้นไปให้เรียนรู้มาระยะหนึ่งว่า ผมจะจัดกิจกรรมพบปะแลกเปลี่ยนทัศนคติ มุมมอง และเปิดโลกทัศน์ด้านการ "แต่งกายเสริมพลังชีวิต ด้วยรหัสพลังตัวตน" เพื่อให้นำ HEP Lifecode ไปใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง องค์กร และสังคมโดยรวมได้

       จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจทั้งผู้ที่เคยได้รับรหัสพลังตัวตนกลุ่มแล้ว หรือผู้สนใจทั่วไป สมัครเข้าร่วมกิจกรรม HEP Forum "แนะนำเคล็ดลับแต่งกายเสริมพลังชีวิต 4 ตัวตน" ด้วยรูปแบบของการนำเสนอ หลักการ ขั้นตอน วิธีการ นำเอารหัสพลังตัวตนกลุ่ม ไปใช้ในการปรับแต่งสไตล์การแต่งกายให้ ดูดี เหมาะสม ลงตัว กับสภาวะตัวตนหลากแตกต่าง บรรยายพร้อมสาธิตแนะนำโดย อ.แดงส์ชาคริต เชาวนะโรจนารุจิ และ ทีมงานสถาบันแดงส์ตักส์ศิลา ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เน้นให้มีโลกทัศน์ด้านศาสตร์แห่งศิลปะการแต่งกายเสริมพลังชีวิตตัวตน หรือ Dress Sense Art ที่สามารถนำไปค้นหา เรียนรู้ ทดลอง และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง
       
       HEP Forum จะมี 4 ขั้นตอนในการนำเสนอเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการนำไปใช้ได้จริง คือ
       
       1. HEP Self-Explore รู้ตัวเห็นสไตล์ของตน ด้วย HEP Lifecode
       2. HEP Self-Educate เรียนรู้เพื่อเติมเต็มสไตล์ตัวตนให้ชัดเจน
       3. HEP Self-Experiment ทดลองต่อแต้มปรับเปลี่ยนสไตล์ 4 รูปลักษณ์ตัวตน
       4. HEP Self-Experience สะสมประสบการณ์สไตล์การแต่งกายหลากแตกต่าง

       วิธีการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ดำเนินการง่ายๆ ดังนี้
       
       1. ผู้สนใจจะร่วมจัด HEP Forum เป็นผู้รวบรวมกลุ่มผู้สนใจ และจัดเตรียมสถานที่สำหรับจัด HEP Forum ซึ่งอาจเป็นห้องประชุมขององค์กรที่ตนสังกัด หรือหาผู้สนับสนุนด้านสถานที่สำหรับจัด โดยมีจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมกลุ่มละไม่น้อยกว่า 30 คนขึ้นไป
       
       2. ผู้ร่วม HEP Forum ทุกคน จะได้รับการถอดรหัสพลังตัวตนกลุ่มจากวันเดือนปีเกิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานตัวตนประกอบการรับคำแนะนำ "เคล็ดลับการแต่งกายเสริมพลังชีวิต 4 ตัวตน"
       
       3. ผู้สนใจทั้งส่วนตัว หรือในนามองค์กร สนใจจะร่วมจัด HEP Forum ติดต่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติม และใบสมัครร่วมจัดกิจกรรมได้ ที่สถาบันแดงส์ ตักส์ศิลา 1111/44 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2513-0703 , 085-915-5176 โทรสาร .0-2513-0736 อีเมลล์ fashionhora@gmail.com
       
       4. วันเวลาในการจัดกิจกรรม จะเป็นไปตามลำดับของกลุ่มผู้สนใจที่ตอบรับ และได้ดำเนินการสรุปนัดหมายรูปแบบในการจัด HEP Forum ตามแนวทางที่สถาบันแดงส์ตักส์ศิลาได้กำหนดไว้
http://www.manager.co.th/Lady/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033737


Hotmail® goes with you. Get it on your BlackBerry or iPhone.

แต่งกายดีเสริมพลังชีวิตได้..จริงหรือ ?

แต่งกายดีเสริมพลังชีวิตได้..จริงหรือ ?
โดย แดงส์ ตักสิลา 2 เมษายน 2552 11:41 น.
       fashionhora@gmail.com
       


       ผลลัพธ์ของนิยาม "แต่งกายให้ดูดี เหมาะสม ลงตัว กับตัวตนที่ใช่คุณทุกสภาวะ" จะมีส่วนเสริมสร้างพลังความสำเร็จชีวิตแต่ละคนได้จริงหรือ ? คือคำถามและข้อสงสัยที่ผมได้รับผ่านคอลัมน์นี้มาตลอด
       
       
การแต่งกายอาจคิดว่าเป็นเพียงเพื่อปกปิดเรือนร่าง หรือแต่งตามกฎระเบียบองค์กร หรือกติกาค่านิยมสังคมกลุ่ม หรือความเชื่อส่วนตัว หรืออิทธิพลกระแสแนวนิยมต้นแบบแฟชั่น เมื่อเริ่มต้นคิดเช่นนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้ผลลัพธ์แตกต่าง เพราะเป็นการ "แต่ง เพราะต้องแต่ง" แต่มิใช่ "แต่ง เพราะควรแต่ง"
       
       เรามีภาพเชิงซ้อนบนชิ้นส่วนเครื่องแต่งกายทั้งที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม จินตนาการซ้อนภาพสไตล์แฟชั่นที่อยากแต่งบนตัวเรา และประเมินด้วยภาพรวมของภาพลักษณะที่อยากจะเป็น หรือคิดว่าน่าจะเป็น การเลือกแต่งจากชิ้นส่วนที่มี การเลือกซื้อชิ้นส่วนเพิ่ม แล้วผสมผสานใส่ให้ครบเป็นชุดเพื่อปกปิดเรือนร่าง หรืออาจแค่หยิบเอาชิ้นส่วนที่เป็นเครื่องแบบบริษัท แค่ใส่ให้ถูกระเบียบ แล้วเลือกทำผมแต่งหน้า ใส่รองเท้าถือกระเป๋า เสริมด้วยเครื่องประดับ ตามรสนิยม ค่านิยมส่วนตัว หรือกลุ่มตน โฟกัสไปที่ชิ้นส่วนเสริมตามอารมณ์ส่วนตัว มองเฉพาะมุมของสิ่งที่สะท้อนตัวตน แต่ลืมมองภาพรวมที่ไปบวกกับเครื่องแบบนั้น เมื่อยืนดูตัวเองหน้ากระจกเงา ทั้งเฉพาะจุด หรือเต็มตัว ใจมันเน้นไปที่จุดเสริม ไม่ใส่ใจหรือมองแบบชาชินเครื่องแบบที่ใส่ซ้ำ เราอาจพอใจเฉพาะจุด แต่อาจนึกไม่ถึงและไม่คาดคิดว่า ถูกคนอื่นมองเห็นภาพรวมที่ขัดแย้ง
       
       ผมมีโอกาสไปร่วมซ้อมหนีไฟที่อาคาร 30 ชั้นแถวอโศก กำหนดให้ผู้ที่ทำงานทุกชั้นทุกคนในตึกนั้น ลงบันไดหนีไฟมารวมกันที่หน้าอาคาร จากการที่ผมได้เคยเห็นสาวๆ ทีละกลุ่มย่อย ขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน หลากสไตล์ หลากสีสัน แต่พอมารวมกัน ก็เลยมองเห็นอะไรที่แปลกๆ และน่าสนใจในการวิเคราะห์ตัวตนของเธอๆ

       ลองเริ่มที่กลุ่มสาวทำงานสถาบันการเงินซึ่งแปลกมากที่หันกลับมาใส่เสื้อโปโล สีสัญลักษณ์องค์กร และมีโลโก้เด่นชัด เป็นชิ้นส่วนหลักที่ดูเหมือนเป็นเอกภาพเชิงเอกลักษณ์ตัวตนองค์กร สไตล์เสื้อโปโล เป็นแนว Casual Sport ผ้ายืดหยุ่น และยืดย้วย หรือห่อเหี่ยวไปตามศักยภาพของคุณภาพเนื้อผ้า และรูปร่างผู้ใส่ ซึ่งความเหมือนด้วยแบบและสีสัน ก็เกิดผลรวมที่แตกต่างกันอยู่แล้ว จุดหนึ่ง
       
       คราวนี้ลองมองเลยจากคอเสื้อขึ้นไป ไล่ไปตามลำคอ สู่รูปหน้า และทรงผม จะพบกับความหลากหลายสไตล์การเลือกทรงผม และการแต่งหน้า ที่จะสะท้อนรสนิยมและค่านิยมตัวตนแต่ละคนได้ชัดเจน มีความแตกต่างทั้งเหมาะสมสัมพันธ์กับเจ้าเสื้อโปโลภาคบังคับต้องใส่ และขัดแย้งไปคนละทาง อีกจุดหนึ่ง
       
       ต่อไปมองผ่านลงไปด้านล่างจากชายเสื้อ พบส่วนล่างซึ่งมีทั้งกางเกงขายาว และกระโปรงหลากสไตล์ สี และลักษณะเนื้อผ้าแตกต่างกัน บางคนดูเนี้ยบได้สัดส่วน บางคนดูหลวม บางคนดูรัดติ้ว บางคนก็มีรายละเอียดตกแต่งมากมาย เช่นกันครับ มีผลบวกผลลบต่อเจ้าเสื้อโปโลเช่นกัน อีกจุดหนึ่ง
       
       ทีนี้มองต่ำไปถึงเท้า จะเห็นรองเท้าหลากสไตล์ ทั้งกึ่งแตะ มีส้นบาง ส้นสูง มีสายรัด มีรายละเอียด มีสีสันหลากหลาย สะท้อนเห็นตัวตน รสนิยม ความชื่นชอบของผู้ใส่ได้อีกมุมหนึ่ง คงไม่ต้องบอกนะครับ นึกเอาเองว่า มันจะมีทั้งที่เหมาะสม ขัดแย้ง จนกระทั่งขัดตากับเจ้าเสื้อโปโลเจ้ากรรมนายเวรนั้น

       เสื้อโปโล เป็น Dress code ที่บ่งบอกถึงความอิสระ ผ่อนคลาย สบายๆ และทะมัดทะแมง สำหรับใส่ในวาระที่ต้องการผ่อนคลาย และอยู่ในสถานที่ที่ไม่น่าจะเป็นที่ทำงานเช่นออฟฟิศ และเมื่อมีกระแสเสื้อเหลืองนำ ทำให้องค์กรมองเห็นว่า น่าจะเป็นตัวสะท้อนเอกลักษณ์ได้ ก็เลยหันมาใส่กันทั้งเมือง ผู้หญิงก็เลยอิสระผ่อนคลาย รอบเอวขยายไปตามผ้ายืด แต่งตัวเหมือนพนักงานทำความสะอาดกันทั้งเมือง
       
       เมื่อภาพรวมของสังคมคนเมืองแฟชั่นในองค์กรธุรกิจขาดความรู้ หรือหลักการในการมองภาพรวมตัวตนที่ควรจะเป็น หรือแนวทางในการปรับแต่งเติมเต็มชิ้นส่วนที่ไม่น่าจะมาเป็น Workwear Style สำหรับ Working Woman ที่ต้องสะท้อนความเป็น Career Lifestyle ให้ดูดีมีพลังได้ ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทำให้สาวออฟฟิศ ไร้พลังที่น่าเชื่อถืออย่างที่เห็นๆ
       
       HEP Lifecode จะมี 6 กลุ่มอักระรหัส ที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ภาพรวมตัวตนกลุ่ม ด้วยการมองทีละจุดด้วยแต่ละอักขระรหัส และนำเอาแต่ละอักขระรหัสมาเป็นจุดตั้งต้นในการคิดเชิงภาพ กำหนดผลลัพธ์ของภาพรวมที่ต้องการเห็นตัวเอง ทั้งการเลือกชิ้นส่วนเครื่องแต่งกายใหม่ หรือการนำเอาชิ้นส่วนเช่นเจ้าเสื้อโปโล มาเป็นตัวการหลักแล้วเลือกชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ต้องให้ผสมผสานกลมกลืนให้กลายเป็นการแต่งกาย ด้วยชิ้นส่วนหลักคือ เสื้อโปโล ให้เกิดเป็น Dress Code ว่า Business Casual หรือ Business Casual Sport ได้ ก็คงเป็นหนึ่งใน "เคล็ดลับแต่งกายเสริมพลังชีวิต 4 ตัวตน" ที่ผมจะนำเสนอใน HEP Forum ซึ่งก็มีหลายองค์กรที่ตอบรับร่วมจัดกิจกรรม
       
       ส่วนสาวๆ ที่สนใจเป็นส่วนตัว ผมก็ต้องจัดกลุ่มเชิญไปร่วมกิจกรรมที่สถาบันแดงส์ตักส์ศิลา ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นร่วมกันค้นหาคำตอบว่า "แต่งกายดีเสริมพลังชีวิตได้ จริงหรือ ? "

       http://www.manager.co.th/Lady/ViewNews.aspx?NewsID=9520000037325



Insert movie times and more without leaving Hotmail®. See how.

Metamorphosis: คนไทยกลายพันธุ์..?

Metamorphosis: คนไทยกลายพันธุ์..?
โดย แดงส์ ตักสิลา 15 เมษายน 2552 11:04 น.
       fashionhora@gmail.com
       


       สวัสดีปีใหม่ไทยครับ
       
       หงุดหงิด อึดอัด อัดอั้น หวาดหวั่น หวั่นไหว ใจเต้นแรง กับสถานการณ์อันร้อนแรง อันเกิดขึ้นจากกลุ่ม "คนไทยกลายพันธุ์ผิดพันธุ์" ได้ฟังเสียง ได้ดูภาพเคลื่อนไหว ที่สื่อถ่ายทอดต่อเนื่อง เหมือนนั่งดูหนังชุดทีละแผ่น เร้าอารมณ์กับเรื่องราวที่พลิกไป พลิกมา ท้าทายอารมณ์คนไทยผู้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาดกันถ้วนหน้า...
       
       ด้วยเหตุผล ด้วยจุดประสงค์ ด้วยแรงกระตุ้นใด ที่มีพลังแรงล้นเหลือ ประติมากรรมตัวตนคนไทยกลุ่มหนึ่ง ให้ค่อยๆ กลายพันธุ์ผิดเผ่าพันธุ์ ขยายพันธุ์ ต่อเนื่องเต็มเมือง เหมือนได้ดูหนังตระกูลซอมบี้ ผีไวรัสติดเชื้อ กัดบางส่วนของร่างกลาย แล้วที่สุดก็กลายพันธุ์เป็นสัตว์นรกบ้าคลั่ง เพ่นพ่านไปทั่ว เหมือนมากครับ !
       
       คนไทยกลายพันธุ์เหล่านั้น ได้ขยายกลุ่ม ค่อยๆ แพร่เชื้อไปทั่วทุกแห่ง งมงาย ลุ่มหลง หื่นกระหาย ถ่อยเถื่อน จากเสียงสดๆ บนเวที แหกปากปลุกเชื้อชั่วกลายพันธุ์ ระคนกับภาพและเสียงผ่านระบบสื่อสาร ของผู้นำฝูงหลงเกียรติยศ หวังคืนศักดิ์ศรีด้วยลีลาสุดเถื่อน สุดชั่ว ลืมตัว ไม่เห็นตน ไม่เห็นใคร น่าทึ่ง และน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
       
       ผมจำไม่ได้แล้วว่า สิ่งที่จะเก็บมาเล่าต่อนี้ได้มาจากท่านใด ก็ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ก็แล้วกัน น่าจะมีประโยชน์ในการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ให้คนไทยพันธุ์ไทยแท้ ได้บ้าง

       พลังงานทางสังคม (Social Energy)
       
       พลังงานทางสังคมใหม่ เกิดจากจิตสำนึกใหม่ของคนไทยทุกคน และการถักทอสังคมใหม่
       
       ด้วยการเคารพศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน คือ ศีลธรรมพื้นฐานของสังคม เมื่อเราขาดศีลธรรมนี้ จึงขาดพลังทางสังคม
       
       การจะสร้างพลังใหญ่ทางสังคม คือ การสร้างศีลธรรมพื้นฐานแห่งการเคารพศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นคนของคนทุกคน
       
       ตรงนี้ดูเหมือนจะยาก แต่ไม่ยาก เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขา ถ้าเราเข้าใจความรู้ 2 ประเภท และจัดความสัมพันธ์ของความรู้ 2 ประเภทเสียใหม่ คือ
       
       1. ความรู้ในตัวคน
       2. ความรู้ในตำรา
       
       ความรู้ในตัวคน : ได้มาจากการทำงาน และประสบการณ์ชีวิต เป็นความรู้ที่มีฐานในวิถีชีวิตร่วมกัน หรือวัฒนธรรม ทุกคนมีความรู้ในตัว (นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม แม่จึงเป็นครูที่สำคัญที่สุดของเราทุกคน โดยไม่คำนึงถึงระดับการศึกษาของท่าน เพราะท่านมีความรู้ในตัว)
       
       ความรู้ในตำรา : เกิดจากการรวบรวม การแปล การวิจัย การวิเคราะห์สังเคราะห์ความรู้ น้อยคนที่รู้ และเชี่ยวชาญความรู้ในตำรา ถ้าเราเอาความรู้ในตำราเป็นตัวตั้ง คนส่วนน้อยจะมีเกียรติ คนส่วนใหญ่ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีศักยภาพ

       การจะพลิกให้คนทั้งหมดมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีศักยภาพ คือ การเคารพความรู้ในตัวคน
       
       คนไทยทุกคนควรจะตระหนักรู้ว่า ท่านมีความรู้ในตัว ที่ได้มาจากการทำงาน และประสบการณ์ชีวิต ความรู้ในตัวท่านมีค่ามาก ท่านมีศักดิ์ศรี และคุณค่าแห่งความเป็นคน จิตสำนึกใหม่ของคนไทยทุกคนจะปลดปล่อยทุกคนไปสู่อิสรภาพ ศักยภาพ และความสุข
       
       คนไทยทุกคนมีสิทธิ์จะรวมกลุ่ม เป็นกลุ่มทำงานในเรื่องต่างๆ อันหลากหลายเต็มสังคม และมีสิทธิ์ที่จะเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ไม่ใช่ถูกกักขังอยู่เฉพาะในองค์กรทางดิ่ง ที่ตนสังกัด (หรือถูกครอบงำ หรือโดนปลุกระดมผิดๆ) โดยวิธีนี้จะเกิดโครงสร้างใหม่ ที่เรียกย่อว่า "บ.ก.ค."
       

        : บุคคล แต่ละคนที่มีจิตสำนึกใหม่ ในศักดิ์ศรี และศักยภาพในความเป็นคนของตน
       
: กลุ่ม คือ การรวมกลุ่มตามความสมัครใจ อันหลากหลาย
       
: เครือข่าย มีการเชื่อมโยงระหว่างบุคคล กลุ่มองค์กร ทั้งใหม่และเก่า ในทุกพื้นที่ ทุกองค์กร และทุกเรื่อง
       


       แนวคิดที่ผมได้นำมาเผยแพร่ ก็อาจจะทำให้เราได้เห็นถึงเหตุแห่งผลในปัจจุบันว่า ล้วนมาจากคนที่ "ยอมกลายพันธุ์ เพื่อประโยชน์ตน" คนที่ "จำยอมกลายพันธุ์ เพราะขาดความรู้ในตัวตนที่ รู้แจ้ง รู้จริง เห็นชัด" คนที่ "มีกระบวนการกลายพันธุ์คนไทย ที่รู้เท่าที่ให้รู้ มอมเมา ให้มัวเมาผิดๆ"
       
       สถานการณ์นำพาถึงจุด ที่คนไทยทุกคนต้องสลาย "ความเป็นพันธ์กลาง" นำกระบวนการ Metamorphosis มากลายพันธุ์เป็นคนไทยแท้ ที่หวงแหนความเป็นไท รวมพลังช่วยกันดูแลตนเอง กลุ่มตน สังคมตน ประเทศชาติของตน ด้วยสายเลือดแห่งความเป็นคนไทยพันธุ์แท้กันเถิด
       
       (ขออภัยในสาระที่นำมาถ่ายทอด ผมจดบันทึกไว้นานแล้ว แต่ลืมจดชื่อท่านผู้เขียน ใครทราบ โปรดบอกมาด้วย)
http://www.manager.co.th/lady/viewnews.aspx?NewsID=9520000042202

Hotmail® has a new way to see what's up with your friends. Check it out.