วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Forever Enthralled อุปรากรจีน...ติดตรึงตลอดกาล

 
วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4102

Forever Enthralled อุปรากรจีน...ติดตรึงตลอดกาล


คอลัมน์ EASTERN STREET

โดย Cobori


ผมน่าจะเป็นคนที่เกิดในยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาเสพสื่อในโทรทัศน์มากกว่าที่จะออกจากบ้านไปดูลิเก ดูงิ้ว

ลิเกนั้นยังพอได้ดูอยู่บ้าง เพราะบางทีจะโดนผู้เฒ่าผู้แก่แถวบ้านเคี่ยวเข็ญให้ไปดูเป็นเพื่อน

แต่ถ้าเป็นงิ้ว ซึ่งดูจะเป็นของแปลกสำหรับครอบครัวคนไทยที่ไม่กากี่นั้ง ดูจะเป็นเรื่องห่างไกลจากชีวิตเป็นอย่างยิ่ง

ผ่านมาอยู่บ้างก็ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีที่พอจะผ่านตางิ้วธรรมศาสตร์ แต่เป็นการผ่านตาระดับงูๆ ปลาๆ หาใช้การใดได้ไม่

เวลาผ่าน ทัศนคติของผมจึงเปลี่ยน มาถึงวันนี้ชักอยากดูงิ้ว

เพราะหลังจากที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Forever Enthralled (2008) ความรู้สึกดื่มด่ำกับศิลปะแขนงนี้ก็บังเกิดขึ้นในจิตใจ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวประวัติของเม่ย หลัน ฟาง (แสดงโดยหลี่ หมิง) นักแสดงอุปรากรจีน หรืองิ้ว ผู้เป็นตำนานของประเทศจีน ฝีมือกำกับของเฉิน ข่าย เก๋อ ที่เคยทำงานคุณภาพระดับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ อย่าง Farewell to My Concubine (1993) นี่ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอุปรากรจีนเช่นกัน แถมยังได้ดาวค้างฟ้าอย่างเลสลี่ จาง มาแสดงเป็นนักแสดงงิ้วที่มีรสนิยมชายรักชาย เป็นอีก 1 บทบาทที่เขาแสดงได้ในระดับเทพ ถือว่าเป็นหนังอมตะอีกเรื่องหนึ่งของผู้กำกับจีนรุ่นที่ 5 ผู้นี้

หลังจาก Farewell to My Concubine (1993) ดูเหมือนว่าเฉิน ข่าย เก๋อ จะเดินเป๋ไปเป๋มาบนเส้นทางการทำหนัง เมื่อเทียบกับคู่รักคู่แค้นอย่างจาง อี้ โหมว อย่างหนังเรื่อง The Promise (2005) หนังฟอร์มใหญ่ที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็โดนนักวิจารณ์สับเละอย่างไม่เป็นท่า

ในที่สุดเขาก็คืนฟอร์มเก่งจากหนังเรื่อง Forever Enthralled (2008) เสียที

เม่ย หลัน ฟาง (1894-1961) เป็นชื่อที่เขาใช้ในการแสดง แต่ชื่อจริงๆ ของเขาก็คือ เม่ย หลัน

เด็กน้อยเปิดหีบของลุงเพื่ออ่านจดหมายที่ลุงเขียนถึงเขา เนื้อความเล่าถึงเรื่องโทษทัณฑ์ที่เขาใส่เสื้อผิดวันเข้าไปในวังแล้วโดนทำโทษด้วยการโบยตี ซ้ำร้ายยังถูกคุมขังด้วยแอกกระดาษที่แม้จะเบาหวิวเมื่อเทียบกับแอกที่ทำด้วยไม้ แต่เงื่อนไขของการคุมขังก็คือ ห้ามทำแอกกระดาษนี้ขาดเป็นอันขาด

ดูยากเย็นใช่ไหมล่ะ การลงโทษแบบนี้...

เมื่อเด็กน้อยโตขึ้นมากลายเป็นหนุ่มรูปงามที่สานต่องานที่บรรพบุรุษตั้งแต่รุ่นตาจนถึงรุ่นลุงก้าวเดินมา นั่นคือการเป็นนักแสดงงิ้ว

เม่ย หลัน แสดงเป็นนักแสดงผู้หญิงอย่างสมบทบาทจนกลายเป็นดาราดังประจำเวทีอุปรากรที่ปักกิ่ง

โชคชะตาทำให้เขาพบกับคิว ยูเยย อาจารย์สอนศิลปกรรมการแสดง ซึ่งคนทั้งสองเคารพต่อความสามารถซึ่งกันและกัน จนสาบานเป็นพี่น้องกัน

คนทั้งสองรู้สึกขัดแย้งกับการแสดงงิ้วแบบดั้งเดิมที่ปกปิดอารมณ์ความรู้สึกจนลดรูปอารมณ์เหลือเพียงแค่หน้ากากที่ใส่

พวกเขาจึงแยกออกมาทำการแสดงงิ้วเอง โดยใช้ดำเนินตามรูปแบบที่ตนถนัด

จนในที่สุด เม่ย หลัน ก็ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต เขาทำให้งิ้วได้รับความนิยมทั้งในเมืองจีนและในสหรัฐอเมริกา ที่แม้ว่าในช่วงนั้นอเมริกากำลังประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากวิกฤต The Great Depression ในปี 1930 ก็ตาม ว่ากันว่าดาราฮอลลีวูดดังๆ อย่าง ชาร์ลี แชปลิน ก็เป็นเพื่อนสนิทของเขา

หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่นเอง หลังจากที่นำกองทัพเข้ามายึดครองกรุงปักกิ่งในปี 1937 แล้วขยายผลเป็นการยึดครองทั้งประเทศจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ยังเล็งเห็นว่าควรใช้ เม่ย หลัน เป็นเครื่องมือในการครอบงำประเทศจีน โดยใช้รูปแบบกลืนชาติด้วยวัฒนธรรม

นี่คือความสุดยอดในเวทีของเขา

แต่ขึ้นชื่อว่าหนังชีวประวัติ แน่นอนว่าย่อมต้องแสดงเหรียญทั้งสองมุม ในมุมมืดและมุมสว่าง ในมุมมืดนั้น

เม่ย หลัน ต้องเผชิญกับความอ้างว้างในรูปแบบของ

ซูเปอร์สตาร์ที่แทบไม่มีเวลาให้ตนเองแม้แต่เรื่องความรัก จนในบางครั้งอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของเขาก็มีแอกกระดาษบางๆ ที่มองไม่เห็นพันธนาการไว้

เขาจะจัดการกับแอกกระดาษนี้เช่นไร ? เพื่อรักษาให้ตัวเองกลายเป็นตำนานที่ติดตรึงคนรุ่นหลังไปตลอดกาล

น่าคิดและน่าติดตามอย่างยิ่ง :D (หน้าพิเศษ D-Life)

หน้า ต
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02dlf05040552&day=2009-05-04&sectionid=0225

Insert movie times and more without leaving Hotmail®. See how.