|
Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits. Check it out.
FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ workingmailhome@hotmail.com
|
4-5 ปีหลังมานี้สถานการณ์การเมืองถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ ต่างฝ่ายต่างคิดกลเกมมากมาย เพื่อโน้มน้าวชักชวนให้ฝ่ายของตนเองมีมวลชนมากขึ้น เพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในยามนี้ จึงควรทำใจให้นิ่งๆ ละจากความรัก โลภ โกรธ หลงในตัวบุคคล รวมถึงควรตรวจสอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์ด้วยว่า "ตัวเรานั้นมี 2 บรรทัดฐาน" ในการตัดสินใจหรือไม่ เพราะหากเราวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่คำนึงถึง "หลักการ" เราจะกล่าวโทษกันไปมาไม่มีที่สิ้นสุด และจะยิ่งบ่มเพาะความเกลียดชังให้เจริญงอกงามจนยากที่จะเยียวยา ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองที่ใครมีสื่อในมือนั้น ย่อมถือว่าได้เปรียบคู่ต่อสู้ไปหลายขุม สื่อที่ถูกใช้และถูกกล่าวถึงในแง่ร้ายๆ นอกจากสื่อกระแสหลักแล้ว สื่อเล็กๆ อย่าง "วิทยุชุมชน" ก็โดนเข้าเต็มๆ
เราๆ ท่านๆ จึงมักได้ยินข่าวว่าจะปิดวิทยุชุมชนที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับตนทุกครั้ง ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปมีอำนาจ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จนประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนว่านิยามและหน้าที่ที่แท้จริงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญของวิทยุชุมชนที่ควรจะเป็นคืออะไร
ภายใต้การรองรับของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2540 และพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ระบุว่า "...ให้ภาคประชาชนเข้าถึงและเข้าไปใช้คลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 โดยการดำเนินการดังกล่าวของภาคประชาชนต้องไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ และหากภาคประชาชนไม่พร้อม องค์กรอิสระต้องให้การสนับสนุน..."
แม้กฎหมายจะรองรับสิทธิในการเข้าถึงคลื่นความถี่ แต่ก็ใช่ว่าการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนจะสามารถเกิดขึ้นได้ทันที เพราะการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนในแต่ละที่นั้น ต้องใช้ความเห็นชอบร่วมกันของชุมชน การหาสถานที่ตั้งก็ต้องเป็นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ การตั้งชื่อยิ่งต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน รวมถึงการเตรียมความคิดความเข้าใจในนิยามของวิทยุชุมชน การฝึกให้เกิดความคุ้นเคยในการใช้อุปกรณ์ในห้องส่งกระจายเสียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา เพื่อให้วิทยุชุมชนสามารถทำงานได้จริงดังคำขวัญที่ว่า วิทยุชุมชนเป็นของชุมชน เพื่อชุมชน และโดยชุมชน
กระทั่งปี 2544 วิทยุชุมชนแห่งแรกจึงถือกำเนิดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และทยอยเกิดขึ้นให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยบางพื้นที่ใช้คำว่าจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชน ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการนั้น วิทยุชุมชนถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์มากมาย เป็นพื้นที่ที่ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ในหลายเรื่อง
ตั้งแต่การทำมาหากิน วันเวลาการปิดเปิดน้ำของชลประทาน ใครที่วัวหายก็สามารถฝากข่าวผ่านมาทางวิทยุชุมชนได้ การเลือกตั้งท้องถิ่นเอง ชุมชนจะมีอาสาสมัครอยู่ตามหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งจะรายงานทางโทรศัพท์ถึงสถานการณ์การเลือกตั้งและผลคะแนนเข้ามายังรายการวิทยุชุมชน ก่อเกิดชุมชนทางอากาศที่พึ่งพาช่วยเหลือกัน สิ่งเหล่านี้สื่อกระแสหลักเข้าไม่ถึง ในแต่ละปีชาวบ้านต่างจัดงานบุญต่างๆ ตามแต่วัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นๆ ในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ผ้าป่า, โต๊ะจีน, เลี้ยงน้ำชา เพื่อระดมทุนให้การดำเนินการวิทยุชุมชนดำรงอยู่ได้
แต่ด้วยฐานคิดแห่งความหวังดี หรือฐานคิดที่ต้องการแบ่งแยกแล้วปกครอง ก็สุดจะคาดเดา ปี 2547 รัฐบาลโดยกรมประชาสัมพันธ์อนุญาตให้วิทยุชุมชนสามารถมีโฆษณาได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง ส่งผลให้วิทยุชุมชนเพิ่มจาก 500 สถานี เป็นกว่า 4,000 สถานีในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งวิทยุชุมชนตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และที่แอบแฝงตั้งขึ้นมาเพื่อหารายได้จากการโฆษณา ขายปุ๋ยขายยาฆ่าแมลง แม้กระทั่งการเปิดเพลงของค่ายเพลงใหญ่ๆ
ก็ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ต่างกับการโฆษณาแฝงอย่างไร ขณะที่ในทางนโยบายเอง การจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อมากำกับดูแลเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดความเป็นธรรม ที่ใช้ชื่อว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ หรือ กสช.ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งให้เป็นรูปเป็นร่างได้ หลายส่วนจึงใช้ช่วงสุญญากาศแบบนี้เข้ามาใช้คลื่นความถี่ โดยเรียกตัวเองว่าวิทยุชุมชน ก็ยิ่งสร้างความสับสนทั้งผู้จัดตั้งเอง ผู้รับฟังและสาธารณชนทั่วไป ต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมากขึ้นไปอีก
แต่หากเรายึดสุภาษิตที่ว่า "มาช้าดีกว่าไม่มา" จะช่วยให้เราไม่เป็นทุกข์มากจนเกินไป เพราะกว่า 10 ปี จากมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญปี 2540 จนถึงมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 กฎหมายลูกอย่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 จึงคลอดออกมา โดยที่มาตรา 78 ของบทเฉพาะการ ได้ให้อำนาจคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน)
ปัจจุบัน กทช.ได้จัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่นๆ คือ การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างฉบับดังกล่าว ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2552 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
กว่า 10 ปี ที่ผู้ดำเนินการวิทยุชุมชน และเพื่อนมิตรจากหลากหลายอาชีพ ที่ยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่ช่วยเหลือ เพื่อให้วิทยุชุมชนดำเนินงานอยู่ได้ท่ามกลางการพิสูจน์ตัวเอง การหล่อหลอม เรียนรู้ร่วมกัน ลงมือทำเพื่อสั่งสมประสบการณ์ สมควรอย่างยิ่งที่จะมีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างาม.
http://www.thaipost.net/tabloid/030509/4028
ภาพวินาทีเวียดนามใต้ได้รับการปลดปล่อย |
รายงานโดย :สมาน สุดโต รายงานจากนครโฮจิมินห์: | วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552 |
ทำเนียบประธานาธิบดีปัจจุบันมีชื่อว่า ทำเนียบเอกภาพ |
ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ 30 เม.ย.ของทุกปี จะมีการฉลองเอกภาพ แต่ปีนี้ครบปีที่ 34 รัฐบาลเวียดนามประกาศหยุดงาน 4 วัน ฉลองควบกับวันแรงงาน (1 พ.ค.) และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คาดว่าจะมีผู้ร่วมฉลองทั่วประเทศ รวมทั้งนครโฮจิมินห์ หรือไซง่อนเดิม ผู้บริหารนครโฮจิมินห์จึงสั่งให้ผู้รับเหมาที่ทำงานยังไม่เรียบร้อยตามถนนต่างๆ ในนครโฮจิมินห์ ให้จัดการให้เรียบร้อยเพื่อจะไม่มีปัญหาจราจรและเป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่ร่วมฉลองความยิ่งใหญ่
2 ประเทศในแผ่นดินเดียว
เมื่อ 34 ปีที่แล้ว สาธารณรัฐประชาชนเวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศคือเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยใช้เส้นขนานที่ 17 เป็นเส้นแบ่ง เขตแดน
ประชาชนไซง่อนยินดีที่ปลดปล่อยภาคใต้สำเร็จ |
ศุขปรีดา พนมยงค์ เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง โฮจิมินห์ เทพเจ้าผู้มีลมหายใจ ว่า ชัยชนะที่เดียนเบียนฟูเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชาติอาณานิคมเอเชียที่มีต่อมหาอำนาจเช่นฝรั่งเศส ผู้เป็นเจ้าแห่งยุทธศาสตร์สงครามป้อมค่ายประชิด ผู้โอ้อวดว่าไม่มีทางแพ้อาณานิคมของตน และแน่นอนเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนทำให้นายทหารระดับสูงฝรั่งเศสเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ผลสะท้อนทางการเมือง ณ ที่ประชุมกรุงเจนีวา หลังพ่ายแพ้ที่เดียนเบียนฟู รัฐบาลฝรั่งเศสที่มีนาย ปิแอร์ มองเดส ฟรองก์ เป็นนายกรัฐมนตรี กับ ฟามวันดง แห่งเวียดนาม ได้บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาเจนีวา โดยสรุปได้ว่าดินแดนเวียดนามนับแต่เส้นขนานที่ 17 ขึ้นไปทางเหนือ ให้อยู่ในความปกครองของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ที่มีท่านโฮจิมินห์เป็นประธานประเทศ ส่วนใต้เส้นขนานที่ 17 ลงมา ที่มีไซง่อนเป็นเมืองหลวง ฝรั่งเศสเป็นผู้ดูแล
นี่คือต้นเหตุให้มี 2 ประเทศในแผ่นดินเดียวกัน
ทหารกองพลที่10 โจมตีสนามบินไซง่อน |
พยายามรวมประเทศ
เมื่อประเทศอันเป็นที่รักถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ ในขณะที่ฝรั่งเศสซึ่งพ่ายแพ้ ณ เดียนเบียนฟู กำลังถอนตัว สหรัฐอเมริกาได้พยายามเข้ามาแทนที่ ท่านประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ ของชาวเวียดนามในขณะนั้นอายุ 75 ปี แต่ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้เวียดนามมีเอกภาพ หรือเป็นประเทศเดียวกันให้ได้ โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุการณ์เรือพิฆาตแมคดอกซ์ ของสหรัฐ ล้ำน่านน้ำเวียดนามที่อ่าว ตังเกี๋ย แล้วเกิดปะทะกับเรือเร็วตรวจฝั่งของเวียดนาม อเมริกาฉวยโอกาสส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเวียดนามเหนือที่ฮานอย และเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญๆ อีกหลายเมือง
ศุขปรีดา เขียนว่า สงครามกู้ชาติครั้งที่ 2 (ของลุงโฮ) เปิดฉากขึ้น เป็นสงครามเวียดนามกับ จักรวรรดินิยมอเมริกา และลูกสมุนเวียดนามใต้ ภายหลังอเมริกาละเมิดข้อตกลงปี 2497 โดยเริ่มให้ โงดินเดียม โค่น เบาได๋ (จักรพรรดิเวียดนาม) แล้วตั้งสาธารณรัฐเวียดนามขึ้นมา
ต่อมาโงดินเดียมที่เป็นประธานาธิบดีคนแรก หลังจากเป็นสาธารณรัฐก็ถูกอเมริกาเขี่ยทิ้ง เพราะบริหารประเทศไม่เอาไหน เมื่อมีการรัฐประหารเกิดขึ้นจึงถูกประหารชีวิต แล้วสหรัฐอเมริกาเอาคนที่สามารถชี้นิ้วได้ขึ้นครองอำนาจ แต่ไม่ได้หยุดยั้งความรักชาติชาวเวียดนามได้ ในปี 2503 จึงเกิดแนวร่วมปลดปล่อยเวียดนามใต้ หรือเวียดกง ซึ่งท่านประธานโฮจิมินห์ และกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ ได้มีมติสนับสนุนทุกวิถีทางให้ปลดปล่อยเวียดนามใต้ให้ได้
ประชาชนไซง่อนแสดงความต้อนรับกองกำลังปลดปล่อย |
ในขณะที่การต่อสู้ปลดปล่อยเวียดนามใต้ดำเนินการอยู่นั้น สุขภาพท่านประธานโฮจิมินห์ในวัยกว่า 75 ปี ก็ถดถอยไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังหวังว่าจะมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนพี่น้องทางภาคใต้สักวันหนึ่งเมื่อได้รับการปลดปล่อยแล้ว โดยให้กำลังใจ (นักรบ) ว่า สู้กับฝรั่งเศสใช้เวลาถึง 10 ปี จึงชนะ การสู้กับอเมริกาที่มีกำลังและอานุภาพมากกว่าอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นก็ได้ แต่ชัยชนะจะต้องเป็นของประชาชนชาวเวียดนามเท่านั้น
แต่ท่านไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่ดูชัยชนะของประชาชาติชาวเวียดนาม เพราะเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2512 ท่านก็ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบในวัย 79 ปี
ต่อมาอีก 5 ปี หลังอสัญกรรมของโฮจิมินห์ คือ 30 เม.ย. 2518 ชาวเวียดนามทั้งมวลก็ประกาศ ชัยชนะเหนือศัตรูที่มีพลังอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้อย่างสิ้นเชิง ความเป็นเอกภาพกลับมาสู่ประเทศเวียดนามตามเจตนารมณ์ท่านประธานโฮจิมินห์อีกครั้ง นักหนังสือพิมพ์เล่าเหตุการณ์
ฟามก็อกโตน หรือ องต่วน รองประธานสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนาม ที่นักหนังสือพิมพ์ไทยรู้จัก เล่าบรรยากาศและความรู้สึกในฐานะสื่อมวลชนเวียดนามเมื่อ 34 ปีให้ฟังว่า เมื่อรู้ว่าได้รับชัยชนะ ขับไล่ผู้รุกรานออกไปได้ เหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกดีใจ ปลอดโปร่ง ตื้นตันชนิดบรรยายไม่ถูก เป็นชัยชนะที่รอคอยและปรารถนามานานหลายปี เพื่อให้เห็นภาพว่าดีใจอย่างไร องต่วนยกมือทั้งสองออกจากอก แสดงความโล่งใจ เพราะความรู้สึกกดดันได้ หมดสิ้น ฟามก็อกโตน
องต่วน ในฐานะนักข่าวยศร้อยโทกองทัพบก (ก่อนเกษียณมียศ นายพันตรี) แห่งหนังสือพิมพ์ทหารรายวัน บอกว่าในกรุงฮานอยไม่มีใครเรียกใคร แต่ทุกคนออกจากบ้านมาฉลองกันเต็มถนน ประชาชนกอดกันแสดงความดีใจ และความภูมิใจต่อชัยชนะ
บางคนไม่มีอุปกรณ์ที่จะเอามาฉลอง หยิบเอาหม้ออะลูมิเนียมและภาชนะอื่นๆ มาตีฉลองกันอย่างสนุกสนาน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ
หนังสือพิมพ์พิมพ์มาเท่าไรก็ขายหมดเกลี้ยง
องต่วน ในนามสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนาม ได้มอบภาพเหตุการณ์เมื่อ 34 ปี ที่กองทัพปลดปล่อยเวียดนามได้บุกเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดี เวียดนามใต้ และภาพที่ศัตรูกำลังหนี รวมทั้งภาพที่ประชาชนชาวเวียดนามออกมาแสดงความยินดี ซึ่งเป็นภาพที่สมาคมฯ เก็บไว้ให้กับ โพสต์ทูเดย์ ด้วย
http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=44977
ใครที่กำลังปากแห้งแตกเป็นขุยและไม่รู้จะรักษายังไง วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีรักษามาบอก.... วิธีรักษาสิ่งที่ดีสุด คือ ควรดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ หรือจิบน้ำอุ่น ๆ บ่อย ๆ หากปากแห้งมากจนลอกเป็นขุย ให้ใช้น้ำอุ่น ผสมเกลือป่นเล็กน้อย แล้วใช้สำลีหรือทิชชูชุบน้ำอุ่นผสมเกลือป่นให้เปียกพอหมาด ๆ แล้วใช้ปากคาบทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที หรือเช็ดเบา ๆ ไปบนริมฝีปาก ก็จะช่วยให้ขุยต่าง ๆ หลุดลอกออกไปได้ และหมั่นทาลิปมันที่มีส่วนผสมของสารบำรุง หรือถ้าปากแห้งมากแนะนำให้ใช้ปิโตเลี่ยมเจล (มีลักษณะเป็นเจลใสคล้ายขี้ผึ้ง) ทาบนริมฝีปากได้บ่อยครั้งตามต้องการ รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าใครปากแห้งแตกเป็นขุย ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้. |
ทราบหรือไม่ว่าสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากนั้นมาจากอะไร และควรจะทำอย่างไรเมื่อเกิดกลิ่นปาก วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก... |
วิธีแก้ปัญหาอากาศร้อนสมัยนี้คิดแบบรวบรัด คือการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือนแทน แต่การที่จะขุดดินลงแรง ปลูกต้นไม้รอบบ้านอาคารที่อยู่อาศัยเพื่อลดไอร้อนจากแดด หลายคนละเลยเพราะเหนื่อยยากไม่น้อย หากแต่บ้านผู้มีฐานะมีเงินจ้างบริษัทมาจัดสวนให้บ้านร่มรื่น มีต้นไม้มากมายแปลกพันธุ์แปลกชื่ออยู่ในบ้าน ทำให้น่าอยู่น่าอาศัยและเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาได้ไม่น้อย หมู่บ้านจัดสรร โรงแรม รีสอร์ท ร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ยักษ์เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่าทึ่งและให้ความสวยงามไปพร้อม ๆ กัน แม้ต้นไม้จะใหญ่สักเพียงใดก็ย้ายถิ่นฐานได้ด้วยเทคโนโลยี อยากย้ายข้ามจังหวัดหรือข้ามประเทศก็ทำกันได้ กลายเป็นธุรกิจหนึ่งที่เฟื่องฟูไม่น้อย สุวินิจ พันธุ์ชาลี นักขุดล้อมต้นไม้และเจ้าของร้าน ขายต้นไม้สวนลีลา ไม้ป่า รังสิตคลองหก บอกเล่าให้ฟังว่ากระแสการซื้อขายต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีเริ่มต้นมาจากนักจัดสวน นักจัดสวนแนะนำเจ้าของบ้านถึงการเลือกหาต้นไม้หลากชนิดมาประดับสวน บวกกับคนขายต้นไม้ทดลองนำต้นไม้ที่ขุดมาขาย แล้วลูกค้าสนใจเกิดกระแสปากต่อปาก สำหรับไม้ที่เรียกหากันในการจัดสวน สุวินิจ บอกว่าไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าแต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่ามีค่ามีราคาทั้งหมด อาทิ ไม้พะยูง พะยอม กันเกรา กระโดน จิกน้ำ จิกน้ำระย้า จิกเศรษฐี อโศกน้ำ สาละ ลีลาวดี เสม็ดแดง แคนา เป็นต้น บางต้นมีราคาเป็นแสนขึ้นอยู่กับรูปทรงของต้นไม้เป็นหลัก อย่างเช่น ต้นสาละ ต้นโพธิ์ เป็นต้น แต่ต้นไม้ที่ตลาดต้องการและขายง่ายยังเป็น ลีลาวดี ไม้ชนิดนี้ดูที่เส้นผ่าศูนย์กลางของขนาดลำต้นเป็นสำคัญ เช่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้วราคาประมาณ 12,000-15,000 บาทต่อต้นแล้วแต่รูปทรงของต้นประกอบกับพันธุ์ด้วย ถ้าเป็นขาวพวงก็ยิ่งราคาดีเพราะมีดอกเยอะ ยิ่งต้นไม้ที่มีรูปทรงคดเคี้ยว มีปุ่มโปนอยู่ตามลำต้น ดูแล้วแปลกขลัง กลายเป็นไม้มีราคา ซื้อขายกันเป็นแสนต่อต้น "รูปทรงเหล่านี้เกิดจากธรรมชาติสร้างใช้เวลาหลายปี เกิดจากพายุช่วยบ้างให้ต้นไม้มาเบียดกัน ไม้จึงออกมาเป็นสภาพอย่างนี้ ในจังหวัดในอำเภอหนึ่งมีไม่กี่ต้นราคาจึงแพงมาก ชาวบ้านบางคนไม่รู้ตัดทิ้ง บางต้นราคาเท่า ๆ กับรถคันหนึ่ง ในหมู่คนจัดสวนเรียกกันว่าไม้ลีลา" ชาญชัย ศรีสวัสดิ์ นักจัดสวนที่อยู่ในวงการมากว่า 20 ปี บอกเล่าว่า งานจัดสวนส่วนใหญ่จะต้องเน้นเลียนแบบธรรมชาติให้ได้ใกล้เคียง ที่สุด ดังนั้นการเลือกต้นไม้ต้องดูลีลาให้กลมกลืนธรรมชาติ เช่น จิกน้ำ เป็นไม้ธรรมชาติอยู่ริมน้ำ เวลาเลือกไปปลูกในสวนก็ต้องเป็นสวนที่มีแหล่งน้ำทอดเลี้ยวข้ามคลองยิ่งเป็นที่ต้องการ การนำเสนอต้นไม้หรือต้นไม้แปลก ๆ ขึ้นอยู่กับงบประมาณของลูกค้าด้วย อย่างคนที่เป็นระดับมหาเศรษฐี ส.ส.นักการเมืองจะชอบไม้ล้อมยืนต้นขนาดใหญ่ไปปลูกที่บ้าน เช่น พะยอม กันเกรา จิกเศรษฐี จัดอยู่ในกลุ่มไม้มงคล ซึ่งไม้เหล่านี้บางต้นอายุนับ 100 ปี คนที่มีฐานะหน่อยจะชอบเพราะเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะและบารมีของเจ้าของบ้านด้วย "เวลาซื้อต้นไม้ใหญ่ขุดล้อม ให้สังเกตมีใบอ่อนที่แตกออกมาเจริญงอกงาม ดูโคนต้นเกิดรากเล็ก ๆ เกิดขึ้นนั้นแสดงว่าต้นสมบูรณ์ ดูขุยมะพร้าวมีสีคล้ำแสดงว่าเป็นต้นไม้ที่ขุดล้อมมานานแล้ว เพราะบางชนิดต้องมาเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นไม้เปลือกแข็ง เช่น กันเกรา พะยูง ทองกวาว ต้องเลี้ยงให้เกิดรากก่อนจึงย้ายไปปลูกที่ใหม่ได้ ส่วนไม้เปลือกอ่อน เช่น ประดู่ หางนกยูงฝรั่ง สามารถย้ายแล้วปลูกในที่ใหม่ได้ทันที" นักจัดสวนให้คำแนะนำ ไม้ขุดล้อมเหล่านี้บางต้นมีอายุยาวนานมาหลายชั่วอายุคน วิธีการเสาะแสวงหาไม้เหล่านี้ต้องใช้นายหน้าไม่ต่างกับการซื้อขายที่ดิน แต่ไม่มีการเข้าไปขุดล้อมไม้ในเขตป่าหรือพื้นที่อุทยานเด็ดขาดเพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม้เหล่านี้มีที่มาจากผืนดินที่มีเจ้าของ ทั้งบ้านคน วัด หรือที่ทางของมหาเศรษฐีที่ทิ้งร้างไว้ให้คนเฝ้า วันดีคืนดีคนเฝ้าขายต้นไม้ใหญ่ไปแล้วก็มี "เมื่อมีคนติดต่อว่ามีไม้เราจะไปดูด้วยตัวเอง จะดูจากรูปทรงของไม้แล้วประเมินราคาฟอร์มสวยมากก็หลายหมื่นดูแล้วมาขายในกรุงเทพฯอาจได้เป็นแสน ติดต่อกับชาวบ้านบางคนไม่ขายบอกว่าจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เราก็เพิ่มราคาให้อีกเจรจาต่อรองกัน บอกว่าเอาเงินไว้ปลูกบ้านดีกว่า เขาก็ใจอ่อนเหมือนกัน แต่มีเหมือนกันที่อยากปลูกบ้านแล้วต้องการเอาต้นไม้ใหญ่ออกไม่ให้เหลือตอ เขาให้เราฟรี ๆ ก็มี เพราะเขาไม่มีรถเครนยก ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง" นักขุดล้อมต้นไม้บอกวิธีการทำงาน สุวินิจ เล่าว่าการขุดล้อมต้นไม้ใหญ่ต้องดูฤดูกาลด้วย ฤดูกาลที่เหมาะคือหมดฝนไปแล้ว และหลีกเลี่ยงช่วงหน้าหนาวที่มีลมแรง ซึ่งขั้นตอนการขุดไม้เหล่านี้ต้องใช้ความใจเย็นเป็นหลัก ก่อนลงมือ ขุดต้องจุดธูปบอกกล่าวขอขมาต้นไม้ก่อนตามความเชื่อ บางต้นใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ต้องกินอยู่หลับนอนกับต้นไม้โดยใช้แรงงานคนในการขุดทั้งหมด ค่อย ๆ เซาะดินให้ลึกลงไปถึงราก หากต้องตัดรากจะใช้เลื่อยมาตัดรากไม้แทนการใช้เสียมเพื่อป้องกันการเกิดแผลให้น้อยที่สุด ระหว่างขุดจะต้องมีไม้ค้ำยัน เพื่อป้องกันตุ้มหรือดินที่หุ้มรากหลุดโดยใช้กระสอบป่านหุ้มตุ้มดินไว้ เหตุผลที่ต้องใช้กระสอบป่านเพราะเก็บความชื้นและป้องกันตุ้มดินแตกเคลื่อนได้ดีที่สุด ซึ่งตุ้มดินเป็นเรื่องสำคัญของการขุดล้อมต้นไม้จะรอดหรือไม่รอดตุ้มดินเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อขุดไปจนสุดราก ขั้นตอนต่อมาต้องใช้รถเครนยก บางต้นสูงใหญ่ต้องใช้ระดับ เพาเวอร์เครนยกขึ้น ต้นไม้เกือบทุกชนิดขุดล้อมได้แต่ไม้ที่ทำได้ยากสุดเห็นจะเป็นไม้ผล น้อยต้นที่ขุดแล้วจะรอดหรือให้ผลเหมือนเดิม ภาษาคนทำต้นไม้เรียกว่า "ต้นไม้ช็อก" ดังนั้นวิธีการขุดล้อมไม้ผลจะต้องขุดแล้วล้อมทิ้งไว้ในที่เดิม 5-6 เดือน แล้วจึงย้ายมาอีกที นอกจากนี้ยังมีไม้ผิวบาง เช่น ต้นแจง ไม้เหล่านี้ล้อมแล้วดูแลยากเช่นกัน ต้นไม้ล้อมเมื่อย้ายมาอยู่ในร้านขายต้นไม้ เจ้าของต้องดูแลให้น้ำยาเร่งราก บี 1 ทิ้งไว้ 3 เดือน เพื่อให้รากฝอย ออกมาจึงจะจำหน่ายได้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นต้นทุนหนึ่งนอกจากค่ารถเครน ค่าคนขุด ค่าต้นไม้ ค่ารถขนส่ง ค่าตำรวจนำทาง จิปาถะ เบ็ดเสร็จต้นไม้จึงมีราคานับหลักแสน ดังนั้นในเส้นรัศมีของการซื้อขายต้นไม้เหล่านี้จะห่างจากกรุงเทพฯไม่เกิน 400 กม. ได้แก่ พื้นที่ จ.ชัยภูมิ นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครสวรรค์ สระแก้ว ยังเป็นทำเลที่เหมาะสมของการย้ายต้นไม้ ยิ่งถ้าไกลออกไปราคาของต้นไม้เหล่านี้ก็จะสูงตาม แต่กระนั้นพื้นที่เหล่านี้ก็ถูกนักขุดล้อมหาต้นไม้กว้านซื้อจนเหลือน้อย พื้นที่ตลาดใหม่ตอนนี้อยู่แถวจันทบุรี แถบพื้นที่ชาวบ้านรอบ ๆอุทยานแห่งชาติเขาสอยดาว เพราะที่นั่นอุดมสมบูรณ์ และไกลออกไปที่แถบภาคเหนือที่นักค้าต้นไม้กำลังหมายตา "เราไม่ได้ทำลายต้นไม้ แค่เปลี่ยนที่ปลูก บางครั้งอยู่ในธรรมชาติเดิมชาวบ้านจะโค่นทิ้ง แต่ไปอยู่ในเมืองมีคุณค่าไปสร้างป่าให้ในเมือง" คนพาไม้ใหญ่สู่เมืองพยายามบอกข้อดีของการย้ายถิ่นต้นไม้ ในยุคที่สังคมของคนมีเงินพยายามจะใช้เงินซื้อความรู้สึก เลือกเดินทางสู่ธรรมชาติแต่ขอเป็นธรรมชาติอันสะดวกและจัดสรรได้ หลายคนเริ่มมองเห็นแล้วว่า "ต้นไม้" คือของมีค่าและพัฒนาตัวเองเป็นมรดกตกทอดที่สร้างไว้ให้ลูกหลานได้. |
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197685&NewsType=1&Template=1 |
อย่างการปลูกต้นรักเพื่อเก็บดอกรักจำหน่ายเป็นการค้านั้น หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า "ดอกรัก" ที่นำมาร้อยมาลัยนั้นเป็นสายพันธุ์ที่เราเห็นขึ้นตามริมถนน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า "รักแก้ว" ดอกจะมีลักษณะอ้วน ป้อม ดอกเล็ก และมีน้ำหนักน้อย ไม่เป็นที่นิยมของตลาดร้อยมาลัย เช่นเดียวกับดอกรักสีม่วง แต่ตลาดจะมีความนิยมใช้ดอกรักสีขาวพันธุ์ "จิ้งจก" ซึ่งลักษณะของดอกตูมจะดูคล้ายกับปากจิ้งจก ดอกจะมีสีขาวใส มันวาว ทรงดอกยาวใหญ่ และมีน้ำหนักคล้ายกับดอกรักที่ทำมาจากพลาสติก เกษตรกรเก็บดอกรักจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 10-300 บาท ซึ่งราคาจะแพงในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันพ่อ วันแม่ วันเข้าพรรษา วันมาฆบูชา แล้วราคาจะสูงมากในช่วงฤดูหนาวราวเดือนตุลาคม-มกราคมของทุกปี ดอกรักจะมีราคาสูงมาก เพราะเป็นช่วงต้นรักจะให้ดอกน้อย การขยายพันธุ์ต้นรักที่นิยม คือ การปักชำด้วยกิ่ง โดยตัดกิ่งต้นรักให้มีความยาวราว 30-40 เซนติเมตร ขุดหลุมปลูกกว้าง, ยาวและลึก 30 เซนติเมตร จากนั้นวางท่อนพันธุ์ให้เฉียง 45 องศา ราว 3-5 กิ่ง โดยจะปลูกระยะ 3x3 เมตร ควรปลูกในช่วงฤดูฝนราว 2-3 เดือน ต้นรักก็จะสามารถเก็บดอกจำหน่ายได้ เกษตรกรที่มีความชำนาญในช่วงเช้าในแต่ละวันจะสามารถเก็บดอกรักได้ราว 3-5 กิโลกรัม การเก็บดอกรักควรระวังยาง เนื่องจากยางของต้นรักเป็นเอนไซม์ประเภทหนึ่งจะค่อนข้างเป็นอันตรายมีฤทธิ์กัดกร่อน หากถูกผิวหนังหรือเข้าปากก็จะทำให้ระคายเคือง แสบคัน มีพิษต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้อาเจียนและถ่ายอย่างแรง หากถูกศีรษะก็จะทำให้ผมร่วงได้ หรือ หากยางกระเด็ดเข้าตา จะทำให้ตาพร่ามัวหรือตาบอดได้จึงต้องระวังอย่างยิ่ง หากโดนยางของต้นรักบริเวณผิวหนังต้องรีบล้างด้วยน้ำสะอาดโดยทันที หากยางเข้าตาหลังจากล้างน้ำแล้วให้รีบไปพบแพทย์ ในการป้องกันยางต้นรักสำหรับเกษตรนั้นจะต้องแต่งกายให้มิดชิด ใส่แว่นตา สวมหมวก ใส่ถุงมือ เช่น อาจจะใช้ถุงหิ้วพลาสติกแทนถุงมือ และอาจจะนำลูกโป่งมาใส่นิ้วมือแทนปลอกนิ้ว เป็นต้น เพื่อให้ปลอดภัยจากยางต้นรัก ในทางประโยชน์ด้านสมุนไพรนั้น ตำรา ยาแผนโบราณจะใช้ ดอก แก้ไอ แก้หืด เปลือกต้น ทำให้อาเจียน เปลือกราก แก้บิด ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ทำให้อาเจียน ยาง ยาถ่ายอย่าง แรง แก้ปวดฟัน ปวดหู ขับพยาธิ แก้กลากเกลื้อน แต่อย่างไรควรศึกษาวิธีการใช้จากผู้รู้ให้ดีเสียก่อน. ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197792&NewsType=1&Template=1 |
|