วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ฉลองวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ครั้งแรกแจกไม้นนทรีในหลวงทรงปลูก

วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
 
 
ฉลองวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ครั้งแรกแจกไม้นนทรีในหลวงทรงปลูก
"วันต้นไม้ประจำปีของชาติ" เป็นอีกวันสำคัญที่หลายคนอาจหลงลืมไปเพราะผนวกเข้าไว้กับวันวิสาขบูชา วันสำคัญทางศาสนา เหตุผลที่ผนวกกันเข้าไว้เนื่องจากวันดังกล่าวอยู่ในเดือนพฤษภาคมและเป็นระยะเริ่มต้น ของฤดูฝน จากเดิมที่กำหนดให้วันเข้าพรรษาเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ต่อมาในปี 2532 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอว่าวันดังกล่าวตรงกับช่วงกลางฤดูฝน เมื่อฝนทิ้งช่วงเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำ ต้นไม้ไม่สามารถตั้งตัวได้ก่อนถึงฤดูแล้ง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงขอให้พิจารณาอนุมัติ "วิสาขบูชา" เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติแทนมา ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา

กรมป่าไม้ได้จัดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงวันสำคัญ โดยมีกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมปลูกต้นไม้แบบประชาอาสา เชิญชวน นร. นศ. ตลอดจนหน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้

ในวันต้นไม้ประจำปีแห่งชาติปี 2552 ในวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้จัดงานวันต้นไม้ประจำปีแห่งชาติเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องด้วยในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา และเป็นปีที่ 46 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระ ราชดำเนินทรงปลูกต้นนนทรี จำนวน 9 ต้นเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. 2506 ณ บริเวณสระน้ำหน้าหอประชุมมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ

ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับต้นนนทรีไว้ว่า

"ขอพูดอะไรสักหน่อย วันนี้ได้รับเชิญมาปลูกต้นไม้ ก็ทำให้คิดว่า การปลูกต้นไม้ก็จำเป็นจะต้องเลือกว่าต้นอะไรจึงจะดี เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย ต้นไม้อะไร ๆ ก็สีเขียว ต้นนนทรีที่เลือกเป็นต้นไม้ของเกษตร ก็เหมาะสมที่มีสีเขียวด้วย เหมาะมากและน่ายินดีมากที่ต้นนนทรีนั้นปลูกได้ทั่วทุกแห่งของไทย เพราะทนแล้ง ทนแดดได้ นี้เป็นความหมายที่ดี เพราะคนไทยถ้าปลูกในแผ่นดินไทยก็เติบโตดีและเจริญดี ต้นไม้ต้องมีดินจึงจะเจริญได้ดี ถ้าเอาไปใส่กระถางหรือเอาไปปลูกในน้ำ หรือปลูกในน้ำยาคุณภาพดี ๆ จากต่างประเทศ ก็จะหงอยอยู่ไม่ได้ เขาต้องการดิน

ขอฝากต้นไม้นี้ให้มหาวิทยาลัยและนิสิตช่วย กันรักษาให้ดี อย่าให้หงอย ขอฝากนิสิตทั้งหลายขอให้ช่วย กันรักษาตัวเองให้ดี และอย่าลืมว่าตัวเองนั้นจะอยู่ได้ก็ด้วยแผ่นดินไทย ให้ช่วยกันรักษาแผ่นดินไทยด้วย คนไทยถ้าไร้แผ่นดินก็จะหงอยกันหมด อยู่กันไม่ได้ และเรา ก็ไม่อยากให้เป็น เช่นนั้น"

งานวันต้นไม้แห่งชาติ วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา จัดบริเวณสระน้ำหน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ ภายใต้ชื่องาน "ใต้ร่มนนทรี พระบารมีของพ่อ" โดยได้มีกิจกรรมเก็บวัสดุเมล็ดพันธุกรรม "ต้นนนทรีของพ่อ" เพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์ และผลิตกล้าไม้นนทรี เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไปนำไปปลูกเพื่อเป็นสิริมงคล

งานในวันนั้นได้มีการมอบเมล็ดพันธุ์ต้นนนทรีของพ่อให้ทุกคนที่มาร่วมงาน ให้ทุกคนช่วยกันปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ต้นนนทรีของพ่อแผ่กิ่งก้านความร่มเย็นให้ทั่วแผ่นดินไทย

ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หากมีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่องแล้วพื้นที่ป่าของประเทศจะเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศอย่างแน่นอน และต้นไม้ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตันต่อปี ต้นนนทรีที่ทำการขยายพันธุ์จากต้นไม้ 9 ต้นได้มอบให้หน่วยงานสำนักโครงการในพระราชดำริ (กปร.) นำไปปลูกในพื้นที่โครงการพระราชดำริ ห้วยทราย เพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อไป ซึ่งต้นนนทรีเป็นไม้ที่มีความอดทน เมื่อเพาะเมล็ดออกมาเป็นต้น เปอร์เซ็นต์การรอดมีถึง 90 เปอร์เซ็นต์

ด้าน ดร.ดำรง ศรีพระราม คณบดีคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น มีความสูงเฉลี่ย 16 เมตรขนาดของลำต้นวัดได้ 50 เซนติเมตร มีเรือนยอดแผ่กิ่งก้านสาขา 160 ตารางเมตรต่อหนึ่งต้นออกดอกสวยงาม สร้างความร่มรื่นสบายตาและยังมีรากยาวช่วยป้องกันการกัดเซาะพังทลายพื้นดิน

"นนทรีเป็นพืชตระกูลถั่ว ปลูกไว้ช่วยเพิ่มไนโตร เจนให้กับดิน พยายามส่งเสริมให้ปลูกผสมผสานกับไม้ไร่ เมื่อต้นขยายใหญ่กิ่งก้านช่วยลดฝุ่นละออง ปลูกต้นนนทรี 1 ต้น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.3 ตันต่อปี จึงนับได้ว่าพระองค์มีสายพระเนตรอันกว้างไกล ที่เลือกปลูกต้นนนทรีเพราะมีประโยชน์มาก ทนแดด ทนแล้งได้ดี และได้กลายเป็นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปัจจุบัน"

ดร.ดำรง ขยายความถึงนนทรีว่า นนทรีเป็นไม้ ที่มีความอดทนมาก มี 2 ชนิด คือ นนทรีบ้านและนนทรีป่า ซึ่งมีอีกชื่อชาวบ้านเรียก "อราง" ข้อแตก ต่างของนนทรีบ้านอยู่ที่ดอกตั้งโชว์เหนือใบ สวยงาม แต่นนทรีป่าดอกจมอยู่ใต้ใบไม่ สวยงาม จึงไม่นิยม ปลูกกันมากนัก แต่คุณภาพของเนื้อไม้ทั้งสองเป็นไม้เนื้ออ่อน ไม่เหมาะกับการทำ เฟอร์นิเจอร์ แต่มัก จะเป็นไม้เบิกนำเพื่อ ปลูกทดแทนป่าไม้ที่ถูกตัดทำลาย ให้ฟื้นฟูกลับสู่สภาพความสมบูรณ์ได้โดยเร็ว

"ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการขยายพันธุ์ต้นนนทรีที่พ่อเคยปลูก การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นการช่วยปลูกต้นไม้ของพ่อให้แพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยเตรียมแจกเมล็ดพันธุ์จำนวน 6 พันถุง แต่ละถุงใส่จำนวน 9 เมล็ด ต้นกล้านนทรีสำเร็จรูปประมาณ 3 พันต้น พร้อมกับคู่มือเพาะปลูกและดูแลรักษา อีกทั้งยังใช้วิธีติดตา เสียบยอด และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มจำนวน"

หลายคนที่อยากได้เมล็ดพันธุ์จากต้นไม้ของพ่ออดใจรออีกสักนิด ในอีกไม่ช้ากล้าไม้นนทรีจะกระจายไปทั่วทุกจังหวัด โดยติดต่อขอรับเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าได้ฟรีที่ ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาค ดูรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th โทร. 0-2561-4292-3 งานวันต้นไม้ประจำปีแห่งชาติในปี 2552 เท่ากับเป็นการเริ่มเพาะต้นกล้ารอวันที่จะเติบใหญ่สานต่อแนวพระราชปณิธานของพ่อ.

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=198591&NewsType=1&Template=1


Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits. Check it out.