วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร... กระตุ้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก



 
แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร...
การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เริ่มสนใจมากขึ้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนและวัฒนธรรมของเกษตรกรในแต่ละท้องถิ่นด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงเกินไปแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสและช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนและท้องถิ่นเพิ่มขึ้นด้วย ปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรหลายแห่งที่มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของธุรกิจท่องเที่ยวได้... กรมส่งเสริมการเกษตร จึงเร่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้คึกคักอีกครั้ง...
 
นายกมล เกษมศุข รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปี 2552 นี้ กรมฯได้มีแผนเร่งดำเนิน “โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว     เชิงเกษตร” เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและพัฒนาการบริการในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพและมาตรฐานแหล่งเที่ยวเชิงเกษตร ให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ โดยมีเป้าหมาย จำนวน 120 แห่ง ในพื้นที่ 73 จังหวัด (ยกเว้นจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ประกอบด้วย ชุมชนเกษตร 98 แห่ง และ ศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร 22 ศูนย์
 
เบื้องต้นกรมฯจะเร่งคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีศักยภาพทั้งแหล่งท่องเที่ยวเดิมและแหล่งใหม่เข้าร่วมโครงการฯ จากนั้นจะประสานความร่วมมือกับชุมชนและท้องถิ่นเพื่อวางแผนปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรทั้ง 120 แห่ง ให้มีสภาพพร้อมให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจากทั้งภายในและต่างประเทศ อาทิ ตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม จัดทำป้ายบอกทาง ป้ายบรรยายเฉพาะจุด  และกำหนดกิจกรรมที่เหมาะสมในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแต่ละแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน
 
ขณะเดียวกันยังจะพัฒนาการให้บริการของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนจำนวน 98 แห่ง ให้มีมาตรฐานในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบริการด้านที่พักหรือโฮมสเตย์ (Home Stay) อาหาร พาหนะ และสินค้าที่ระลึก เป็นต้น ทั้งยังจะจัดฝึกอบรมผู้นำชมและผู้ให้บริการในการให้บริการแบบมืออาชีพ แหล่งละ 10 ราย โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่มีการเรียนการสอนด้านการท่องเที่ยว หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการท่องเที่ยวและให้บริการ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวชมมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
 
สำหรับ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ มีกระจายอยู่ทุกจังหวัด อาทิ อุทยานผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพเฉลิมพระเกียรติฯ (บึงฉวาก) จ.สุพรรณบุรี เป็นที่รวบรวมพันธุ์ผักพื้นบ้านจากทั่วประเทศ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ จ.สมุทรสงคราม เดินถนนสายผลไม้ชิมลิ้นจี่พันธุ์ค่อมอันเลื่องชื่อ  นั่งรถอีแต๋นทัวร์ ที่หมู่บ้านบางเจ้าฉ่า จ.อ่างทอง  ชมสวนเบญจมาศ ผักสลัดนานาชนิด เห็ดหอมสด ที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ล่องเรือชมสวนเลียบคลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม  ชมและชิมผลไม้สดจากต้น ที่บ้านตะพงและบ้านหนองตะพาน จ.ระยอง เยี่ยม “คุณรจนา” ทุเรียนพื้นเมือง ที่ชุมชนรักษ์เขาบายศรี จ.จันทบุรี ชมสวนผลไม้และร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน บ้านเปร็ดใน จ.ตราด ทุเรียนพันธุ์จระเข้ 200 ปี ที่บ้านตึก จ.สุโขทัย ท่องแดนอีสานชมสวนผลไม้ ที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรโขงเจียม จ.อุบลราชธานี และ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หรือจะสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรริมแม่น้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ วัฒนธรรมการเกษตรและประมงที่เกาะยอ จ.สงขลา ส่วนในเขตกรุงเทพฯ ก็มีล่องเรือชมสวนส้มบางมด เขตทุ่งครุ และตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน เป็นต้น ซึ่งในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวัน   หยุดนักขัตฤกษ์ สามารถพาครอบครัวไปเที่ยวชมหลากหลายวิถีการเกษตรในแต่ละพื้นที่ได้
 
อย่างไรก็ตาม หากสนใจแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำนักพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 0-2579-3827 หรือ สำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัด ในวันและเวลาราชการ.
 
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=196204&NewsType=1&Template=1


Rediscover Hotmail®: Get e-mail storage that grows with you. Check it out.