วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4097
13 ปี "pantip-bloggang" จุดพลุ โมเดล"เปิดหมวก" บนโลกไซเบอร์
สัมภาษณ์
ผ่านการเปลี่ยนแปลงและเผชิญกับปัญหาสารพัด หลายครั้งยังทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนความคิดความเห็นของประเด็นฮอตๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
จำนวนสมาชิกของพันทิปปัจจุบันมีถึงหลักแสนราย ขณะที่ตัวเลขเพจวิว (UIP) สูงถึงหลัก 2 แสนรายต่อวัน
เป็นเครื่องการันตีสถานะอันแข็งแกร่งในโลกไซเบอร์ในฐานะเว็บไซต์ที่มีฮิตเรตติดอันดับท็อปเทนของประเทศ แม้จะมีเว็บไซต์รุ่นน้องผลัดเปลี่ยนเข้ามาท้าทายไม่ขาดสาย
"บล็อกแก๊ง" ของพันทิปเป็นอีกหนึ่งคอมมิวนิตี้ที่น่าจับตา
น่าจับตามากๆ พอกับกระแสสื่อออนไลน์ที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับ "วันฉัตร ผดุงรัตน์" ผู้ก่อตั้งและปลุกปั้นเว็บไซต์พันทิปดอตคอมในหลายแง่มุม มีรายละเอียดน่าสนใจ ดังนี้
- ปีนี้ตั้งใจที่จะทำอะไรเป็นพิเศษบ้าง
จะเน้นการลงทุนพัฒนาระบบหลังบ้านเป็นหลัก ขยายขีดความสามารถของระบบให้รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมากได้โดยไม่กระทบกับการใช้งาน คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 2 ล้านบาท ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องเซิร์ฟเวอร์มาก ที่ต้องการพัฒนาคือ bloggang เป็นบริการบล็อกในพันทิปที่มี ผู้ใช้ประมาณ 9 หมื่นคน โดยจะพัฒนาให้เป็นเว็บเปิดหมวก ปัจจุบัน bloggang มีปัญหาเรื่องเซิร์ฟเวอร์ต้องเร่งแก้เช่นกัน
- เว็บเปิดหมวกคืออะไร
รูปแบบอาจเป็นลักษณะให้บล็อกเกอร์ลงทะเบียน และมีไอคอนเปิดหมวกติดไว้ บล็อกเกอร์ก็พัฒนาคอนเทนต์ไป เมื่อมีคนมาเยี่ยมชมหรือสนใจเนื้อหาบนเว็บนั้นก็สามารถคลิกจ่ายเงินหรือบริจาคได้ทันที อาจเป็นรูปแบบ E-wallet ก็กำลังคุยกับเพลย์สบาย (ผู้ให้บริการระบบชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ต) เพื่อดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง
เว็บเปิดหมวกในเบื้องต้นไม่อยากเก็บส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือหารายได้จากตรงนั้น เพียงต้องการให้เกิดเป็นอีกวงจรให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้รับค่าตอบแทนโดยเฉพาะคนที่ทำจริงจัง มีการลงทุนใช้งบประมาณในการเดินทางเก็บข้อมูลมาเขียนบนบล็อก
ตอนอิมพลิเมนต์คงต้องดูอีกที อาจเก็บค่าใช้จ่ายเป็นค่าปฏิบัติการบ้าง เพื่อให้ bloggang สามารถเลี้ยงตนเองได้ ขณะที่พันทิปไม่ได้ต้องการหาประโยชน์ จากตรงนั้น
เคยคิดหาโฆษณาแล้วนำรายได้มาแบ่งกัน แต่คิดว่าไม่ใช่ทิศทางที่ต้องการจริงๆ เราต้องการให้เปิดหมวกกลายเป็นเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมาที่สามารถเลี้ยงตัวได้ เป็นเศรษฐกิจที่มาจากระดับรากหญ้า มีการแบ่งปันกัน
- เป็นการสร้างคอนเซ็ปต์ใหม่
ถ้าสำเร็จจะเป็นเสมือนการสร้างวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่ ตอนนี้คงคาดหวัง ไม่ได้ขนาดนั้น แต่อยากเห็นมันเกิด มีการทำประชาสัมพันธ์จูงใจ ใจจริงอยากเห็นบล็อกเกอร์เลี้ยงตนเองได้โดยไม่ต้องทำงานประจำ
เรามั่นใจว่าโมเดลนี้เป็นโมเดลที่ใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รับการยอมรับเมื่อไรเท่านั้น
นอกจากเปิดหมวก พันทิปยังจะเพิ่ม โปรแกรมเมอร์และเว็บเอดิเตอร์เพื่อพัฒนาเว็บบอร์ด โดยเว็บเอดิเตอร์จะทำหน้าที่คล้าย บ.ก.ข่าวเพื่อพัฒนาห้องคาเฟ่ และพัฒนาคอนเทนต์ที่พันทิปคิดค้นเอง
ที่ผ่านมาติดปัญหาว่า คอนเทนต์ที่พันทิปพัฒนาเอง เช่น กิจกรรม ประกาศข่าวต่างๆ ใช้งานยากต้องเข้าไปหลายหน้า และเหวี่ยงกระจายอยู่ในทุกห้องคาเฟ่ ซึ่งเรากำลังพัฒนาให้คอนเทนต์เหล่านี้มีการเซ็กเมนต์ในแต่ละคาเฟ่ อยู่ในรูปของกระทู้ทั้งหมด โดยอาจมีไอคอนแยกแยะระหว่างกระทู้ของผู้ใช้งาน และกระทู้ที่พันทิปเป็นผู้พัฒนาขึ้นเอง
หน้าที่ของผู้ดูแลตรงนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อที่จะสามารถหาคอนเทนต์หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหมาะสมเสริมลงไปในแต่ละห้องไม่เฉพาะข่าวอย่างเดียวจะดูว่าคอมมิวนิตี้ต้องการคอนเทนต์ประเภทไหน ประโยชน์ที่ได้คือมีคนตามมาดูมากขึ้น เพราะโฟกัสในแต่ละหมวด ขณะเดียวกันจะปรับเปลี่ยนรูปแบบประกาศข่าว กิจกรรม แชต ให้อยู่ในรูปของกระทู้ทั้งหมด เพราะเชื่อว่าความเคยชินของผู้ใช้พันทิปนิยมใช้กระทู้มากกว่า เข้าถึงสะดวกกว่า
- มองภาพรวมธุรกิจอินเทอร์เน็ตในปีนี้อย่างไร
ภาคธุรกิจยังไปได้โดยเฉพาะโฆษณาออนไลน์ โฆษณาออนไลน์เหมือนมาม่า แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่การใช้สื่อโฆษณาบน อินเทอร์เน็ตยังใช้จ่ายอยู่ เพราะใช้เงินน้อย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง โดยเฉพาะ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้ภาพรวมวงการธุรกิจอินเทอร์เน็ตยังไปได้ เพียงแต่อาจไม่โตมากมายเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา
ปีนี้ไม่ถึงกับหนักหนาสาหัส แม้สัดส่วนของตลาดออนไลน์จะใหญ่ขึ้น แต่เค้กทั้งก้อนหดตัวลงเพราะเติบโตน้อยลง
ด้านเทคโนโลยีปีนี้เทรนด์ของโมบายอินเทอร์เน็ตมาแรง ไม่ว่าจะเป็นเน็ตบุ๊กหรือการใช้โมบายอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ผู้สร้างเว็บไม่ต้องทำ wap ที่เหมาะกับมือถือแล้ว ใช้เว็บเดียวกับบนพีซีได้ ทำให้คนทำสบายขึ้น
ปัจจุบันโมบายเข้าหาเว็บ ไม่ใช่เว็บเข้าหาโมบาย รวมถึงพีดีเอโฟนก็เปิดใช้เว็บได้ การใช้งานของบราวเซอร์บนเว็บดีมากขึ้น
กับเทคโนโลยีที่อาศัยคอนเทนต์ความละเอียดสูง เช่น Hi-Def จะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะการพัฒนาของบรอดแบนด์ และแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นทำให้การพัฒนาเว็บหันไปทางนี้ เดิมคนอยากทำเว็บหรูแต่ไม่กล้า ตอนนี้จะเห็นเว็บลักษณะนี้มากขึ้น
ส่วนเครือข่ายทางสังคมในปีนี้ยังได้รับความนิยมเหมือนเดิม เพราะกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบหนึ่งแล้ว
- ช่องทางรายได้ของเว็บไซต์ยังเหมือนเดิม
ยังเป็นโฆษณาเป็นหลัก เพราะขายคอนเทนต์ยังไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จ วัฒนธรรมของเรายังอ่านคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ตฟรี ถ้าจะขายคงยาก
สำหรับพันทิปปีที่แล้วมีรายได้หลักล้านบาทมาจากโฆษณากว่า 90% อีก 10% เป็นการให้เช่าพื้นที่ใน pantown หรือให้บริการฟรีเว็บบอร์ด สำหรับเป้าหมายในปีนี้ไม่ได้คิดอะไรมาก คาดว่ารายได้ยังจะเหมือนปีที่ผ่านมา
ภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้อย่าไปคาดหวัง ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ปีนี้พันทิปไม่ขึ้นราคาค่าโฆษณา จากปกติขึ้นทุกปี หรือให้ผู้ใช้งานหาเงินเล็กๆ น้อยผ่านการใช้สื่อของเราได้
- ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจบ้างไหม
ปีนี้เหมือนช่วงปี 2539-2540 ที่เศรษฐกิจไม่ดี เราบอกกับทีมงานว่า อะไรที่ซัพพอร์ตกันได้ก็ให้ช่วยกันทำ เดิมพันทิปเข้มงวดมากเรื่องการขายของบนเว็บไซต์ หรือในบางคาเฟ่พบว่ามีการขายของมือ 2 แต่ตอนนี้ผ่อนปรนมากขึ้น ให้คนนำสินค้ามาขายได้เพื่อหารายได้ เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้พันทิปให้มีรายได้มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้
- สถานการณ์การแสดงความเห็นด้านการเมืองในเว็บบอร์ด
ดีขึ้นแล้วโดยเฉพาะในห้องราชดำเนิน เริ่มมีการบาลานซ์ระหว่างสีเหลือง-สีแดง เหมือนมีการคุมกันเอง ตอนนั้นเราเคยถูกกล่าวหาว่าเลือกข้าง แต่ในนั้นมันมีกติกาของมันเองที่คุมอยู่ ห้ามหยาบคาย ไม่เสียดสีกัน วันนี้มาถึงจุดที่คนเคยกล่าวหาเรา เริ่มเข้าใจแล้วว่าเราอยู่ตรงกลาง
จากสถานการณ์การเมืองทำให้เห็นเลยว่าคนเข้ามามากขึ้น เพราะสถานการณ์ยังแรงอยู่ แต่อาจไม่ถึงขั้นพีกเหมือนช่วง ปลายปี แต่ยอมรับว่า ห้องราชดำเนิน เป็นห้องที่คนเข้ามากที่สุดห้องหนึ่ง รองลงมาห้องเฉลิมไทย
หน้า 24
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02com01160452&day=2009-04-16§ionid=0209