รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการข้าราชการกทม.วิสามัญด้านกฎหมาย และพิทักษ์คุณธรรม (อกก.) ได้ประชุมลงมติกรณีอดีตข้าราชการกทม.รวม 4 คน ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดที่ร่วมกันทุจริตการจัดซื้อที่ดินเขตบางซื่อ เพื่อใช้เป็นที่จอดรถขยะของ กทม.เมื่อปี 2540 วงเงิน 270 ล้านบาท ทำให้กทม.ได้รับความเสียหายต้องซื้อที่ดินในราคาแพงจนถูกโทษทางวินัยร้ายแรง คณะอนุกรรมการข้าราชการกทม.ฯ (อกก.) จึงมีคำสั่งให้ไล่ออกและปลดออก ซึ่งทั้ง 4 คนได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ผลการลงมติจากเสียงส่วนใหญ่ปรากฏว่า จากเดิมที่มีโทษถึงขั้นไล่ออก 3 คน ได้แก่ นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกทม. นายสมควร รวิรัฐ อดีตผอ.สำนักการคลัง นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีตผอ.กองระบบการคลัง ให้มีการปลดออกแทน ส่วนนางอุไรวรรณ วัลยานนท์ อดีตหัวหน้าฝ่ายการคลัง สำนักงานเขตบางซื่อ ปัจจุบันเป็นระดับ 8 ผอ.กองการคลัง สำนักพัฒนาสังคม ให้ปลดออกเช่นเดิม โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าการที่อดีต ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อที่ดินได้ดำเนินการตามกระบวนการที่กทม.ดำเนินการในการซื้อที่ดินที่ต้องพิจารณาที่ดินที่เหมาะสมก่อนการพิจารณาจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ เพราะการซื้อที่ดินไม่เหมาะสมจะประกวดราคาเพราะที่ดินแต่ละแปลงไม่เหมือนกันยากในการพิจารณาเปรียบเทียบ และเนื่องจากในการรับอุทธรณ์ สามารถลดโทษลงได้ต่ำสุดตามที่ป.ป.ช.ชี้มูลเท่านั้นคือปลดออก ซึ่งจะนำผลการลงมติเสนอที่ประชุมกก.พิจารณาต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กทม..ได้พิจารณาโทษวินัยร้ายแรงข้าราชการกทม. 6 คน โดยอีก 2 คน คือ นายวินัย สุขมาก อดีตเจ้าพนักงานปกครอง 6 ฝ่ายทะเบียน สำนักงาน เขตบางซื่อ และนายประยูร ดอกอังกาบ อดีตนายช่างสำรวจ 6 ฝ่ายโยธา เขตบางซื่อมีมติให้ปลดออกแต่ไม่ได้อุทธรณ์ ซึ่งทั้งหมดเกษียณไปหมดแล้ว ยกเว้นนางอุไรวรรณ สำหรับนายชวน วัฒนวรานนท์ อดีตผอ.เขตบางซื่อ ที่ป.ป.ช.ชี้มูลให้ไล่ออกเช่นกันแต่เนื่องจากเกษียณเมื่อปี 2540 ก่อนที่ป.ป.ช.จะสอบสวนคดีเมื่อปี 2543 ซึ่งเกษียณก่อนที่ป.ป.ช.จะพิจารณาคดีในปี 2543 ซึ่งเกิดขึ้นหลังเกษียณ 2 ปี จึงเอาผิดทางวินัยไม่ได้ สำหรับอดีตผู้บริหารกทม.ที่เป็นนักการเมือง 4 คน ได้แก่ นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. นายญาณเดช ทองสิมา อดีตรองผู้ว่าฯกทม. นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขา นุการผู้ว่าฯกทม. และ นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. นั้นเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.จะเอาผิดทางอาญา. |