วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติถกเรื่องสมาชิกสมทบ

วันที่ 30 เมษายน 2552 เวลา 00:00 น. |
 
กรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติถกเรื่องสมาชิกสมทบ
เห็นพ้องเป็นไปตามมติให้ใช้แบบเดิมไปก่อน
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) ครั้งที่ 2/2552 ขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักพัฒนาระบบการบริหารการจัดการสหกรณ์ ชั้น 1 กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการนี้ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องสมาชิกสมทบ ที่กำลังเป็นที่สนใจของสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศขณะนี้ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน
 
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ดร.ชาติชาย   พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากประเด็นเรื่องสมาชิกสมทบที่ไม่บรรลุนิติภาวะและในเรื่องของนิติบุคคล ซึ่งกฤษฎีกาไม่ตีความว่าเป็นไปได้ ทางคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) จึงได้หารือหรือยื่นอุทธรณ์เพื่อที่จะหารือแก้ไข เพราะสิ่งที่จะเกิดผลกระทบตามมามีมาก ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นไปตามมติคณะกรรมการและให้ใช้แบบเดิมไปก่อน เพื่อที่จะให้สหกรณ์สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพียงแต่ขอให้สมาชิกสมทบใหม่อย่าเพิ่งดำเนินการ โดยสมาชิกสมทบเดิมสามารถดำเนินการได้ตามปกติ นี่คือแนวทางในการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น
 
"ต่อจากนี้ก็ต้องไปดูข้อกฎหมายเป็นหลักใหญ่ สำหรับในตอนนี้ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพื่อให้สหกรณ์สามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบและปัญหาต่าง ๆ ตามมา" ดร.ชาติชาย กล่าว
 
ทางด้าน นางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยว่า จากที่มีปัญหากับสหกรณ์ต่าง ๆ ที่มีสมาชิกสมทบเยอะ และมีสหกรณ์บางแห่งยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็จะทำให้ขบวนการสหกรณ์เสียหายได้ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการว่าจะแก้ไขอย่างไร เวลามาจดทะเบียนในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รองนายทะเบียนสหกรณ์จะตีความไม่เหมือนกันก็เลยต้องการบรรทัดฐานที่เหมือนกัน
 
"ในคณะทำงานต้องมีมติกันว่าจะต้อง     ไปหารือกฤษฎีกาว่าจะมีความชัดเจนแค่ไหน ว่าอะไรคือสมาชิกสมทบ แต่พอหารือเลยมีการชี้แจงมาว่าสมาชิกสมทบตามมาตรา 41 ต้องเป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะและไม่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมันไม่ได้เขียนแบบอื่นเลย ไม่ได้บอกว่าสมาชิกสมทบ   คืออะไรเพียงแต่บอกว่าสามารถมีได้และให้ไปกำหนดในข้อบังคับเท่านั้น พอมีมติมาก็แจ้งมาและได้ประสานไปว่าขอยกเลิกเขาก็บอกว่าทบทวน    ไปแล้วยกเลิกไม่ได้ ก็มีการไปชี้แจงเพื่อความ          เข้าใจโดยมีนิติกรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นิติกรกรมส่งเสริมสหกรณ์ นิติกรกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แต่ไม่ได้มีกระบวนการสหกรณ์ไปชี้แจง    ด้วย" นางสาวสุพัตรา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
 
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า      มีการไปขอแก้ในกฎหมายสหกรณ์ แต่ในกฎหมายสหกรณ์ไม่ได้มีวาระที่พูดถึงเรื่องคุณสมบัติของสมาชิกไว้ ถ้าจะให้ดีก็ให้แก้ออกมาอีกฉบับหนึ่ง แต่ในเวลาปฏิบัติอาจจะช้าและจะกระเทือนต่อการทำงาน ซึ่งจริง ๆ ไม่มีดาต้าเบสเกี่ยวกับเรื่องมีสมาชิกสมทบเท่าไร ในตอนหลังทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประสานกับทางกฤษฎีกาว่าขอชะลอ ขอหารือเพื่อทบทวนและในช่วงที่กำลังหารืออยู่นั้นนายทะเบียนได้สั่งการไปแล้วเพราะในแง่ของข้าราชการต้องปฏิบัติตามมติ ครม. ซึ่งมติ ครม.กำหนดว่ากรณีที่กฤษฎีกา       ตีความไว้อย่างไรต้องปฏิบัติตามภายใน 90 วัน
 
อย่างไรก็ตามการตีความสมาชิกสมทบที่บรรลุนิติภาวะและไม่เป็นนิติบุคคลกรณีที่ทำ     นิติกรรมก็สามารถทำนิติกรรมต่อไปได้แต่การรับสมาชิกสมทบใหม่ยังไม่ควร ก็เลยมีการนำเสนอที่ประชุม คพช.ว่าจะเอาอย่างไรจะทำเรื่องทบทวนไปยังกฤษฎีกาอีกทีหนึ่งหรือไม่อย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่าให้ของเก่าสามารถทำนิติกรรมต่อไปได้ก็ไปยกเลิกหนังสือฉบับนั้นที่นายทะเบียนสั่งไป และให้ทำเรื่องขอทบทวนไปว่าในขณะนี้สมาชิกสมทบใหม่ไม่ควรรับซึ่งนายทะเบียนก็จะต้องแจ้งไปยังสหกรณ์ทั่วประเทศ และจะไม่มีผลกระทบกับสมาชิกเดิมเพราะนิติกรรมเก่ายังสามารถทำได้อยู่การฝากเงินการถอนเงินยังทำได้ต่อไปเพียงแต่จะไม่รับสมาชิกสมทบใหม่เท่านั้น
 
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับประเด็นนี้พบว่าตอนแรกของเดิมจะให้ทำจนกว่าจะหมดสัญญาแต่สหกรณ์จังหวัดบางจังหวัดได้ตัดตอนข้อความไปว่าห้ามฝากทันทีก็เลยทำให้เกิดการตกใจขึ้นว่าจะต้องถูกสั่งยกเลิก ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานว่าทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ทำหนังสือแจ้งเวียนไปซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. ที่ส่วนราชการใดที่ส่งตีความไปจะต้องทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามนั้น     ถ้าไม่แจ้งก็จะโดนมาตรา 157 แต่ในตอนที่มีการ   ปรึกษาหารือครั้งแรกทางสหกรณ์ยังไม่เห็นด้วยที่จะให้อุทธรณ์แต่ให้ไปแก้กฎหมายดีกว่าซึ่งจะไม่สามารถตอบได้ว่าจะทำได้เมื่อไรในระยะหนึ่งปีจะทำได้        หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ 
 
"ในกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเขาจะต้องพูดจะต้องหาประเด็นมาพูดโดยในหน้าที่ไม่เคยพูดต่อหน้าสาธารณชนในเรื่องของความเสี่ยงความไม่ดีของสหกรณ์แต่เวลาอยู่ภายในต้องคุยต้องปรึกษากันว่าต้องระวังซึ่งจริง ๆ ตัวเราไม่ได้เป็นคนเซ็นกฤษฎีกาแต่เป็นการต่อเนื่องของการทำงานซึ่งว่ากันตามจริงเพิ่งจะมารับตำแหน่งที่นี่ได้แค่ 2 ปีแต่ที่สามารถทำงานต่อเนื่องมาได้เพราะเป็นอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มาก่อนซึ่งรู้ว่าจะทำงานอย่างไรสหกรณ์ไหนเป็นอย่างไรสหกรณ์ที่ดีก็มีเยอะ สหกรณ์ที่จะต้องปรับปรุงก็มีเยอะซึ่งจะต้องระวังในเรื่องนี้ ที่สำคัญผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรพูดเรื่องความเสี่ยงต่อหน้าสาธารณชนเพราะไม่อย่างนั้นสมาชิกจะไปถอนเงินกันหมด" นางสาวสุพัตรา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว.
 
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197685&NewsType=1&Template=1


Insert movie times and more without leaving Hotmail®. See how.