รายงาน: ชีวิตที่เป็นสุข วิถีแห่งชุมชนบ้านสันดินแดง | ||
อาทิตย์ คงมั่น
ท่ามกลางความร้อนระอุทางการเมืองที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะลบลงด้วยอะไรก็ได้แต่ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์ว่าคนไทยด้วยกันอย่าให้เหตุการณ์ที่ต้องมีการฆ่าฟันกันในประเทศเลย ในขณะเดียวกันเมื่อพูดถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกวันในเดือนเมษายน ก็ไม่แพ้เหตุการณ์ทางการเมืองเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความเป็นการให้ความสุขสบายทั้งกายและใจให้กับตัวเองและทุกท่านจึงขอพาท่านมารู้จักกับชุมชนที่หลายท่านยังไม่รู้จักเผื่อมีโอกาสจะได้ไปบ้างเพื่อความสบายใจ ทางตะวันตกเฉียงเหนือในป่าและหุบเขาที่สูง ของ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีชุมชนชาว ปกาเกอะญอ ตั้งชุมชนอยู่ไหล่เขานี้มานานนับร้อย ๆ ปี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัด 70 กว่ากิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวอำเภอจอมทอง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ถือว่าที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและความหลากลายทางชีวภาพสูงมาก และมีพื้นที่ทำกินกระจายตามที่ราบลุ่มของลุ่มน้ำแม่ปอนเป็นนา สวนและไร่หมุนเวียนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติมีคณะกรรมการดูแลโดยมีระเบียบข้อบังคับที่อยู่ อีกทั้งกลุ่มบ้านแม่ปอนในมีความเชื่อและปฏิบัติตามจารีตประเพณีที่มีอยู่ของชนเผ่าอย่างเคร่งครัดและมีการแบ่งหรือจำแนกพื้นที่การจัดการเป็นเขตต่างๆ คือ เขตป่าอนุรักษ์ ป่าใช้สอยและพื้นที่ไร่หมุนเวียนหรือพื้นที่ทำกิน ป่าช้า ป่าสะดือ เป็นต้น นอกจากการจัดการที่แบ่งพื้นที่ตามที่กล่าวมาแล้ว ชุมชนยังมีกิจกรรม เช่น การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ การบวชป่า และการทำแนวกันไฟ ทุกปีอีกด้วย ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเพราะจะมีเด็กๆ มาดูแล้วคอยหลบกล้องเวลาถ่ายภาพ แต่ช่วงกลางคืนนี้เองทำให้ผู้เขียนหายเครียดไปจนสิ้นจะไม่ให้หายได้ยังไงที่นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ เพราะช่วงที่เราอยู่ในเมืองแทบจะมองไม่เห็นดาวบนฟ้าแต่ที่นี่ไม่อย่างนั้นจะมองไปที่ไหนก็มีแต่ดาวเต็มไปหมด ที่แข่งกับแสงสี จากไฟฟ้า แสงไฟจากรถวิ่งในตัวเมืองที่มองเห็นได้อย่างชัดแจ้งในขณะที่บริเวณใกล้ๆ ที่ผู้เขียนอยู่นอกจากเป็นเสียงสนทนากันเสียงวิทยุ AM คอยรายงานข่าวความวุ่นวายทางการเมืองเป็นระยะๆแล้วยังเสียงหรีดกรีดร้องโดยไม่แยแสเรื่องใด เสียงหนู(บ่าง)ร้องออกหากินผลต้นไทรจั๊กจั่นร้องที่ส่งสัญญาณบ่งบอกบอกเราว่าเวลาปลูกข้าวไร่ใกล้มาถึงแล้ว "นี่เป็นการเรียนรู้จากธรรมชาตินี่" ในขณะที่วงสนทนาก็พูดกันได้ทุกเรื่องแม้เราจะเป็นคนต่างวัยกัน แต่สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดคือการรำพึงถึงภาพในอดีตถึงความยากลำบากในการทำมาหากินที่เขาเจอมา "ข้าวไม่พอกินต้องอดมื้อกินมื้อ กว่าได้กินอย่างวันนี้ต้องผ่านการแบกข้าวเป็นกระสอบจากจอมทองมาถึงบ้านเพื่อหุงกินในมื้อเช้าต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดไก่ยังไม่ทันขัน ถึงบ้าน 7 โมงกว่า แต่ตอนนั้นแม้จะลำบากยังไงก็ยังมี หัวมัน หัวเผือก ถั่ว ที่ปลูกในไร่กิน มีผักในป่าที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ เพื่อประทังชีวิต แต่ทุกคนก็มีความสุขแม้จะลำบากมากแต่ไม่วุ่นวัยเพราะการยอมรับกันสิ่งที่มีก็แบ่งปัน เอื้อเฟื้อต่อกันไม่มีใครเหนือกว่าใคร ก็เหมือนอย่างวันนี้แม้จะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายทางการเมืองมามากมาย ตั้งแต่การเมืองปี 16, 19, 35 จนถึงปัจจุบันที่เกิดความวุ่นวายในเมืองที่มีความสลับซับซ้อน ไม่มีใครยอมรับกัน ชิงดีชิงเด่นในเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ มีแค่นี้แหละไม่ต้องคิดมาก ความจริงเรื่องนี้มนุษย์ทุกคนเกิดมาตัวเปล่า พอตายไปก็ไม่ได้เอาอะไรไป เงินบาทเดียวสลึงเดียวก็ใช้ไม่ได้ ข้าวเม็ดเดียวก็กินไม่ได้จะเอาอะไรมามากมาย วุ่นวายเปล่าๆ แต่ดูซิพวกเราไม่ต้องคิดในเรื่องนั้นตื่นเช้าเราไปไร่ นา อยู่กับสัตว์ อยู่กับธรรมชาติที่ให้ชีวิตกับเรา นี่แหละเป็นความสุขกาย สบายใจ มันก็มีแค่นี้แหละคนเรา"
| ||
|
Windows Live™ Hotmail®:…more than just e-mail. Check it out.