วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เงิน 10 ล้านดูมากแต่ไม่ยากหากจะช่วยกันมิใช่หรือ!?

วิสามัญบันเทิง : ไม่ใช่เรื่องยาก


      กรอบภาพ-ข่าวเล็กๆ ที่หน้า 6 เอ็กซ์ไซท์ ไทยโพสต์ ฉบับวันพุธที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ผู้คนในวงการภาพยนตร์ไทยจะรู้สึกรู้สากันอย่างไรไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าการที่บมจ.เอสโซ่(ประเทศไทย)ได้มอบเช็คจำนวนเงิน 100,000 บาทให้กับคุณโดม สุขวงศ์ เพื่อสนับสนุนการรักษาฟิล์มภาพยนตร์เก่า แผ่นฟิล์ม วีดิทัศน์ความรู้และเหตุการณ์สำคัญๆ ของชาติในอดีต รวมถึงกิจกรรมในโครงการต่างๆ ของหอภาพยนตร์แห่งชาตินั้น
     มันได้บ่งบอกถึงว่าสิ่งที่คุณโดมปรารถนาและต้องการอยู่ในเวลานี้นั้น "คนนอก" ได้มองเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของ "ห้องเย็น" ในการเก็บรักษาฟิล์มมากกว่า "คนใน" หมายถึงผู้ประกอบการหนังไทย อย่างที่ไม่อาจมองเป็นอื่นได้
     ผมไม่ถามหรอก "น่าละอายแก่ใจไหม?" แต่ผมอยากจะบอกว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่คนในวงการหนังโดยเฉพาะกับ "องค์กร" คนทำหนัง อย่างสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ จะได้แสดงบทบาทในการที่จะสนับสนุนหอภาพยนตร์ฯ ให้สามารถจัดสร้างห้องเย็นสำเร็จลุล่วงตามเจตนารมณ์เสียที
     จริงอยู่เงิน 10 ล้านบาทนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างที่เห็นเป็นอยู่ แต่ผมก็เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เกินกำลังของผู้คนในวงการหนัง ถ้าเผื่อจะมี "ใจ" ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่างกับที่บริษัทเอสโซ่ได้เริ่มจุดประกายทำให้เห็น

     อย่าอ้างกันอยู่เลยครับ ว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องจัดงบให้การสนับสนุน เพราะหากมัวแต่เฝ้ารอหวังเงินจากรัฐ เชื่อแน่ว่า "ฟิล์มหนัง" ที่คุณโดมเปรียบเป็น "ผู้ป่วย" ที่อยู่ระหว่างการรักษาเยียวยา  คงจะมีลมหายใจอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะบางเรื่องฟิล์มเริ่มที่จะหมดอายุ เกินกว่าที่จะช่วยต่อลมหายใจได้อีกแล้ว
     รัฐบาลนั้นก็รู้กันอยู่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เรื่องที่จะหันมาดูอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างจริงจัง เป็นระบบเหมือนกับเกาหลี-ญี่ปุ่นนั้นอย่าไปหวัง ใช่ว่ารัฐบาลไม่คิดไม่ทำหากแต่หน่วยงาน หรือผู้ที่มีหน้าที่ดูแล ขาดซึ่งวิสัยทัศน์และความรู้ความเข้าใจในภาพยนตร์ ที่ใครก็รู้ว่าไม่ใช่เป็นแค่ความบันเทิง หากแต่ยังเป็น "สื่อ" ช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศชาติ การท่องเที่ยว และเป็น "สินค้า" ที่สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกทางหนึ่ง
     อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่อยากไปตำหนิติติงรัฐบาลเสียฝ่ายเดียว เพราะในบางเรื่องที่ภาคเอกชนคนในวงการหนังพอจะทำกันได้ ก็น่าที่จะได้แสดงความร่วมมือร่วมใจให้ปรากฏ อย่างกับการสร้าง "ห้องเย็น" ของหอภาพยนตร์ฯ ที่ว่านี้ แม้ประโยชน์จะไม่ได้กับบริษัทผู้สร้างหนังโดยตรง
     แต่ด้วยสำนึกและจิตวิญญาณของผู้ที่ได้ชื่อว่า "รักหนังไทย" ทำมาหากินอยู่กับหนังไทยมายาวนาน การที่จะมีห้องเก็บฟิล์มหนังให้มีอายุยาวนานนับร้อยนับพันปี เพื่อที่จะได้เป็น "มรดก" สืบทอดให้ลูกหลานได้ศึกษาต่อๆ ไป ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้คุณโดมต่อสู้ดิ้นรนโดดเดี่ยวตามลำพังหยั่งงี้
     สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์ฯ ต้องรับหน้าที่เป็น "เจ้าภาพ" แล้วล่ะ หรือหากได้คิดและดำเนินการเรื่องนี้อยู่ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ แต่หากมีความว่างเปล่าอยู่ก็น่าจะเร่งคิด-อ่านกันดู..

     เงิน 10 ล้านดูมากแต่ไม่ยากหากจะช่วยกันมิใช่หรือ!?
                                                        สันต์ สะตอแมน
 
http://www.thaipost.net/x-cite/010509/3929


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.