วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เยี่ยมบ้านคึกฤทธิ์ ย้อนตำนาน " น้ำพริก" สูตรเด็ด

เยี่ยมบ้านคึกฤทธิ์ ย้อนตำนาน “ น้ำพริก” สูตรเด็ด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2552 22:00 น.
เครื่องตำน้ำพริก
       ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ปี 2528 เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพหูสูตที่รู้เรื่องราวต่าง ๆ เป็นอย่างดีและสามารถถ่ายทอดความรู้ ความคิดต่าง ๆ สะท้อนออกมาในงานเขียน”ซอยสวนพลู” ซึ่งเป็นคอลัมน์ประจำอยู่ในหนังสือพิมพ์รายวัน สยามรัฐ จนคนอ่านติดกันงองมทั้งบ้านทั้งเมือง
       
       อีกเรื่องหนึ่งที่โดดเด่นในงานเขียนของท่านคือ “ น้ำพริก” ซึ่งเขียนต่อเนื่องในคอลัมน์ซอยสวนพลูจนได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีสูตรน้ำพริกมากที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ได้กล่าวถึงที่มาของการหันไปเขียนตำราน้ำพริกไว้อย่างน่าฟังว่า
       


       “ มีคนเขาหาว่าตัวผมนั้น เวลาไม่มีเรื่องจะเขียนหนังสือเข้า ก็หันไปเขียนตำราน้ำพริก ซึ่งข้อนี้ก็ขอยอมรับว่าเป็นความจริง แต่จะขอแก้ตัวสักนิดหนึ่งว่า น้ำพริกนั้นนอกจากจะเป็นกับข้าวของไทยแล้ว ยังเป็นวัฒนธรรมไทยอีกอย่างหนึ่ง คนไทยต้องรู้จักน้ำพริก ต้องรับประทานน้ำพริกให้เป็น หมายความว่าจะต้องรู้วิธีว่าจะเอาอะไรจิ้มกับน้ำพริก แนมด้วยปลาดุกย่าง ปลาทูทอด อย่างไรเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมซึ่งมีมาแต่โบร่ำโบราณ ถ้าไม่มีใครรักษาก็คงจะหายไป
       
       ทุกวันนี้คนที่ตำน้ำพริกกินเองก็น้อยลงทุกทีแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะรักษาวัฒนธรรมเรื่องน้ำพริกเอาไว้ในครอบครัวก็เห็นจะยากเข้าทุกวัน ผมจึงเห็นว่า ทางดีที่สุดก็ต้องเขียนไว้เป็นหนังสือแทนที่จะจดจำกันด้วยสมอง เพราะจะลืมง่าย “

       
       ด้วยเหตุนี้ทรูวิชั่นจึงจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป สารคดีน้ำพริก ขึ้นที่พิพิธภัณฑ์บ้านคึกฤทธิ์ ต้นตำรับของน้ำพริกชาววังสูตรเด็ด พร้อมกับสาธิตวิธีการตำน้พริก 4 สุตรเด็ด คือ น้ำพริกกะปิ , น้ำพริกไข่เค็ม ,น้ำพริกแมงดาและน้ำพริกนครบาล
       
       


น้ำพริกกุ้งเสียบ
       โดยกิจกรรมในครั้งนี้เริ่มต้นกันด้วยการพาย้อนวันวาน กับการเดินชมความงามของพิพิธภัณฑ์บ้านคึกฤทธิ์ ที่มีห้องสมุด ที่ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จมาทรงเรียนพิเศษกับท่านในช่วงพระเยาว์ จากนั้นจึงแวะที่ศาลาโขน อายุกว่า 50 ปี ซึ่งม.ร.ว.คึกฤทธิ์สร้างไว้เพื่อเป็นที่เก็บพระโกฏิของท่านเมื่อยามเสียชีวิต(ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2538 ) แต่ในปัจจุบันศาลาแห่งนี้ได้กลายเป็นที่เก็บหัวโขนไว้มากมาย หรือโต๊ะทำงานท่านเคยใช้เขียนหนังสือ ในยามเช้าก่อนเข้าสวน และยังมีอีกหลากหลายห้องที่เปิดให้ชมแบบครบทุกซอกทุกมุม

น้ำพริกนครบาล
       เมื่อเดินเยี่ยมชมบริเวณพิพิธภัณฑ์กันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ก็เริ่มลงมือตำน้ำพริกกันที่บริเวณใต้ถุนบ้าน โดยมี อ.จารึก แสงอรุณ อาจารย์จากคณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เป็นผู้สาธิตวิธีการทำโดยนำสูตรมาจากสารคดีน้ำพริกของท่าน

       สำหรับครกแรกประเดิมกันด้วย “น้ำพริกกะปิ” อันเป็นเมนูขั้นเบสิกที่คนทั่วไปรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นน้ำพริกแบบง่าย ๆ แต่จะหาคนตำให้อร่อยถูกปากนั้นยากพอดู น้ำพริกกะปิสูตร ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีเคล็ดลับตรงที่ต้องใช้เกลือเม็ดมาโขลกกับกุ้งแห้งอีก 3 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียม 10 กลีบ กะปิอย่างดี 4 ช้อนโต๊ะ ส่วนพริกก็มีทั้งพริกชี้ฟ้าเขียว-แดง พริกขี้หนู ใส่ลงไปตามชอบ ใส่มะอึก มะเขือพวง ปรุงรสชาติ 3 รสคือเค็ม หวาน เปรี้ยว
       
       ครกที่สองเป็น “น้ำพริกไข่เค็ม” ส่วนผสมคล้ายกับน้ำพริกกะปิ จะต่างกันตรงที่น้ำพริกถ้วยนี้ใส่ไข่เค็มเพื่อเพิ่มความหอมมันได้เป็นอย่างดี ส่วนผักจิ้มและเครื่องแนมตามสูตรขงองม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จะต้องเป็นแตงกวาดองน้ำส้มแบบอาจาดพอให้แตงกวาสดกรอบ ส่วนเนื้อก็ใช้เนื้อเค็มและปลาแห้งปิ้งและทอด แต่สำหรับเจ้านายที่วังบางขุนพรหมจะเสวยกับหมูหวานด้วย
       


       ตามมาด้วนครกที่ 3 เป็น “น้ำพริกแมงดา” ที่ใส่เนื้อแมงดาสับเป็นชิ้น ๆ ลงไป ซึ่งความหอมของเจ้าแมงดา น้ำพริกชนิดนี้ต้องคลุกข้าวกินถึงจะอร่อย
       
       ปิดท้ายด้วยถ้วยเด็ดของงานนี้คือ “น้ำพริกนครบาล” ซึ่งทุกวันนี้หาทานได้ยากแล้ว ส่วนผสมของน้ำพริกถ้วยนี้มีค่อนข้างเยอะ อาทิ กะปิ ปลาเผา กุ้งเผา กากหมู มะขามเปียก ส้มซ่า ระกำ พริกแห่ง พริกขี้หนูคั่ว สำหรับครกนี้ต้องใช้ความละเอียดลออในการทำมากที่สุด เนื่องจากต้องค่อย ๆ ตำเพื่อไม่ให้ส่วนผสมทั้งหมดเละจนเกินไป ส่วนเครื่องแนมที่จะกินคู่กับน้ำพริกครกนี้คือปลาดุกทอดฟู หรือปลากรอบปิ้งแล้วหักเป็นชิ้น ๆ หรือกุ้งแห้งทอดก็ได้   ที่ขาดไม่ได้คือผักจิ้มที่มีทั้งมะเขือ แตงกวา ถั่วพลู ช่อมะม่วง น้ำเต้า กระเจี๊นบ เป็นต้น

       
       


       ซึ่งงานนี้บรรดาสมาชิกของทรูวิชั่นก็ตั้งใจตำน้ำพริกทั้ง 4 สูตรกันอย่างขะมักเขม้น ซึ่งอ.จารึกหลังจากที่ได้ลิ้มลองชิมแล้วก็กล่าวว่ารสชาติเหมือนสูตรดั้เงดิมมาก ๆ เพราะทุกคนตั้งใจทำกันอย่างเต็มที่
       
       แถมก่อนกลับบ้านผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้หอบน้ำพริกที่ตัวเองทำทั้ง 4 สูตรกลับกไปอวดคนที่บ้าน และทรูวิชั่นก็มอบทั้งครกและสากที่แต่ละคนใช้นำกลับบ้านไปทำน้ำพริกกันต่อด้วย

http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064047

--
  ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
http://www.thaiyogainstitute.com
http://www.thaihof.org
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://ilaw.or.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.pdc.go.th
http://www.biz652.com
http://dbd-52.hi5.com