วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

sleepless society นานาสาระของ "คนตาสว่าง"

 
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4108

sleepless society นานาสาระของ "คนตาสว่าง"


คอลัมน์ STORY

โดย ทีมงาน DLife /ภาพ ...www.sxc.hu


อาจด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้หลายคนวิตกจริตไปกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน การบริหารกิจการที่นับวันจะยิ่งหนักอึ้ง

อาจด้วยสถานการณ์ทางโรคภัย ที่ทำให้จิตตกวูบกับโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก

หลายปัจจัยที่เกิดขึ้นทุกวี่วัน ทำให้หลายคนซึมซับและตกอยู่ในภาวะ "เครียด"

จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่ส่วนใหญ่กำลังประสบปัญหานอนไม่หลับแล้ว...

คืออยากจะนอนอยู่หรอก แต่ข่มตาลงไม่ได้ ใจคิดถึงแต่เรื่องงาน จิตวิตกถึงแต่เรื่องสังคม เศรษฐกิจ

เฮ้อ...

กลุ่มคนนอนไม่หลับ Sleepless Society จึงมากขึ้นเรื่อยๆ !

คุณเองก็เป็นคนหนึ่งใช่ไหม...ที่ดึกแค่ไหนก็ยัง "ตาสว่าง"

โลกของคนนอนไม่หลับ

ชีวิตแบบ 9 to 5 ที่เริ่มงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น ละครหลังข่าวจบก็อาจจะได้ยินเสียงกรนแล้ว

เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เข้ากับพื้นที่ตรงนี้แน่นอน เพราะเราจะมาพูดคุยกันบนโลกอีกใบหนึ่ง

...โลกใบนี้มองว่า เวลา 4-5 ทุ่ม คือช่วงเวลาหัวค่ำ

...โลกใบนี้เป็นโลกที่ผู้คนเลือกที่จะนอนในเวลาหลังจากเที่ยงคืนเป็นต้นไป

...โลกใบนี้มีชื่อว่า "โลกของคนนอนไม่หลับ"

หากอยากรู้ว่าโลกใบนี้ ผู้คนเขาใช้ชีวิตเช่นไร โปรดติดตามในย่อหน้าถัดไป

บุคคลแรกที่อยู่ในโลกหลังเที่ยงคืน นั่นคือ ป๋าเต๊ด-ยุทธนา บุญอ้อม กรรมการผู้จัดการบริษัท สนามหลวงการดนตรี จำกัด ค่ายเพลงอินดี้ของยักษ์ใหญ่ในวงการเพลงอย่างจีเอ็มเอ็มแกรมมี่

เขายอมรับว่าตนเองเป็นคนนอนหลับยาก ในช่วงนี้ กว่าจะหลับก็ประมาณตี 3 "ผมหลับค่อนข้างยาก ไม่รู้เป็นไง พอจะขึ้นนอนทีไรไม่มีทางหลับได้ทันที บนหัวเตียงจึงต้องมีหนังสือเยอะแยะเลย เอาไว้อ่านให้รู้สึกง่วงนอน หรือไม่ก็เปิดไอพอดฟังเอา ส่วนใหญ่เวลานอนไม่หลับก็จะทำกิจกรรมเหล่านี้ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง สมัยเรียนอยู่ คืนหนึ่งนอนไม่หลับ เลยออกไปหาอะไรกินที่หน้าปากซอย ยิ่งทำให้นอนไม่หลับไปอีก ก็เลยไม่อยากทำอะไรกับกิจกรรมที่ต้องออกไปนอกเตียงนอน"

แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกับการจัดรายการวิทยุยามดึกในคลื่น "แฟตเรดิโอ 104.5" นับได้ว่าช่วงนี้ป๋าเต๊ดนอนเร็วกว่าแต่ก่อนมาก "สมัยก่อนตอนที่จัดรายการวิทยุ เนื่องจากว่าเป็นคนเสียงโหวกเหวกโวยวาย (หัวเราะ) เจ้านายเลยจัดให้ผมทำรายการตอนดึก ผู้ฟังจะได้คึกคักตามไปด้วย รายการเลิกประมาณตีสาม กลับถึงบ้านอาบน้ำอาบท่าเสร็จ กว่าจะเข้านอนก็ประมาณ 6 โมงเช้าแล้ว"

แม้จะเป็นคนในยามดึก แต่ถ้าปรับเปลี่ยนชีวิตได้ ป๋าเต๊ดก็อยากจะปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นกว่านี้

"ผมว่าถ้าหากไม่ได้เป็นโรคนอนไม่หลับ เราควรปรับเวลา ปรับคล็อก (นาฬิกา) ให้เหมาะสม ร่างกายของเราไม่ได้ถูกออกแบบให้นอนผิดเวลา เพราะอวัยวะในร่างกายจะทำงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับเวลา การนอนหลับให้เป็นเวลาดีกว่านอนกลางวันให้เต็มอิ่มเสียอีก ดังนั้นควรนอนเร็วกว่านี้สักหน่อยก็น่าจะดี งานที่ค้างอยู่ตอนกลางคืนก็เอามาทำตอนเช้าก็ได้ จะได้ตื่นนอนแต่เช้า ทำงานในช่วงกลางวัน ยังไง พอค่ำมาก็จะง่วงเอง เพราะได้เวลานอนแล้ว...

...ผมเคยปรับเวลานอนให้เป็นปกติได้พักหนึ่งนะ แบบนอนหลับในเวลาปกติเหมือนมนุษย์มนาเขา นอนก่อนเที่ยงคืน ตื่นแปดโมงเช้า แต่พอมีเรื่องที่ทำให้ต้องนอนดึก อย่างดูบอล ก็ทำให้ตัวเองกลับมานอนดึกอีกครั้ง ก็ไม่ค่อยดีนัก ยังต้องปรับอะไรอีกเยอะ"

....

สำหรับบางคนเลือกจะไม่นอนเช่นเดียวกับ "พงศธร จงวิลาส" copy writer บริษัทโฆษณา Y&R

"ไม่นอนดึก แต่นอนดึกมากกกก...ส่วนใหญ่จะอยู่เล่นเกม ผมไม่มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับนะ แค่ไม่อยากนอน บางวันกว่าจะนอนก็เกือบเช้า เพราะนั่งเล่นเกมเพลิน แต่ถ้าวันธรรมดาจะนอนไม่เกินตีสอง แล้วก็ตื่น 9 โมง แต่บางทีก็เลยเถิดไปตีสาม นอกจากเล่นเกม ก็ดูหนัง ดูบอล เรื่อยเปื่อย เมากับเพื่อน ไม่ค่อยคุยเอ็ม (MSN) ไม่ค่อยออนไลน์ที่บ้าน เพราะไม่ได้เฝ้าหน้าคอมฯ เหมือนว่าเราทำงานตอนกลางวันไง พอมีเวลา ก็ทำนู่นนี่ไปเรื่อย แล้วไปใช้เวลาส่วนตัวในช่วงกลางคืน"

เขาเล่าให้ฟังว่า ในกลุ่มคนทำงานโฆษณาหรืองานครีเอทีฟส่วนมากจะเจอปัญหาโรคนอนไม่หลับ อาจเพราะสิ่งที่อยู่ในหัวมันเยอะและรูปแบบของลักษณะงานที่ต้องใช้ความคิด ซึ่งหลายๆ คนก็เลือกที่จะใช้เวลาที่นอนไม่หลับนั้นอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอก ส่วนบางคนที่เข้าขั้นโรคนอนไม่หลับก็ต้องกินยา ก็มีเยอะด้วย

....

"ป๊อบไม่เคยหลับก่อนเที่ยงคืน"

ป๊อบ-ฐาวรา สิริพิพัฒน์ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ดร.ป๊อบ นักเขียนวัยรุ่นชื่อดัง ได้สรุปไลฟ์สไตล์การนอนของตัวเองเป็นประโยคสั้นๆ

"ผมเป็นคนนอนดึกครับ จะนอนทีก็ตี 4 ตี 5 เริ่มนอนดึกตั้งแต่ตอนเรียนในมหาวิทยาลัย เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว"

เหตุผลของการนอนดึก เพราะว่า "งานของผมคืองานเขียนหนังสือ เวลากลางวันมีอะไรที่ไม่ใช่งานทำเยอะ อย่างเช่นไปพบปะผู้คนที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงตอนกลางคืน ในตอนดึกจะเงียบมาก ทำให้เรามีสมาธิกับงาน ถ้าไม่เขียนหนังสือ ก็อ่านหนังสือ ก็เลยนอนดึก แล้วตื่นในตอนบ่าย แต่ป๊อบไม่มีปัญหากับเรื่องนอนไม่หลับนะ เพราะเวลานอน ป๊อบจะไม่คิดอะไรมาก ไม่หาอะไรมาใส่หัวให้คิด เพียงแต่ต้องนอนดึก เพราะเหมาะสมกับเวลาทำงานของเรา"

แต่มีอยู่กรณีเดียวที่ทำให้ ดร.ป๊อบอาจจะนอนไม่หลับ นั่นก็คือการมีงานอีเวนต์ในช่วงเช้า "ปกติป๊อบจะรับงานช่วงบ่ายๆ เป็นที่รู้กันเลยว่า หากใครจะติดต่อกับป๊อบในช่วงเช้า รับรองว่าไม่เจอกันแน่ เพราะหลับอยู่ (หัวเราะ) แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องรับงานในช่วงเช้า ในคืนนั้นป๊อบจะไม่นอน แล้วออกไปทำงานเลย ซึ่งก็ไม่รู้สึกเพลียอะไรนะ เพราะเวลาทำงาน ป๊อบจะไม่แสดงให้เห็นว่าเราเหนื่อย เรียกว่า ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะงีบสักชั่วโมง แต่พอเสร็จงาน กลับมาที่บ้าน ก็สลบเลย...

...แน่นอนว่า การนอนน้อย ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างแน่นอน อย่างแรกสุดก็หน้าตาไม่สดใส สิวขึ้น อิดโรย และเหนื่อยง่าย ก็คิดอยากปรับเวลานอนให้นอนไวขึ้นอยู่ แต่มีเรื่องให้ทำมากมาย ก็เลยยังปรับเวลานอนไม่ได้"....

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นอีกที่หนึ่งที่เราจะพบเห็นคนนอนไม่หลับเป็นจำนวนมาก ปุ้ม-อภิญญา โทนะพันธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากรั้วแม่โดม ม.ธรรมศาสตร์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในโลกของคนนอนไม่หลับเช่นกัน

"ปกตินอนเฉลี่ยประมาณตี 4 แต่ก็มีบางวันที่ดึกมากๆ จนเรียกว่าเช้าเลย เพราะสุดๆ ก็ 9 โมงเช้า เหตุผลที่นอนดึกก็มีร้อยแปด อย่างเช่นติดทำกิจกรรมอย่างดูหนัง ถ้าดูแล้วตั้งคำถามกับมัน ก็จะดูจนจบ ไม่อย่างนั้นจะคาใจแล้วนอนไม่หลับ บางทีก็กลับจากเที่ยว เลยนอนดึก และที่สำคัญมากก็คือช่วงสอบ ต้องอ่านหนังสือดึก แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบ บางทีมีหนังสือที่ติดมากๆ ก็จะอ่านจนกว่าจะง่วง แต่หากหนังสือสนุกมากๆ จนกลายเป็นว่าไม่ง่วงเลย หรืออย่างออนเอ็ม (MSN) คุยกับเพื่อน เพื่อนๆ ก็คงไม่ออนเอ็มตอนทุ่มสองทุ่มหรอก กว่าจะออนก็สี่ห้าทุ่มโน้น กิจกรรมพวกนี้ สำหรับเราแล้ว ทำตอนดึกแล้วรู้สึกดีกว่า เหมือนกับสมองรับรู้ได้ดีกว่า"

ปุ้มมองว่า การนอนดึกกับการนอนไม่หลับไม่เหมือนกัน บางทีคนเรามีกิจกรรมทำเพลินๆ ก็อาจจะนอนดึกได้ แต่การนอนไม่หลับ มันเป็นภาวะที่สมมติว่า เราตั้งใจจะนอนตีหนึ่ง ตีสอง แต่ร่างกายมันดันอะเลิร์ต (alert) เลยลากเวลานอนไปเป็นตีสี่ตีห้าก็ว่ากันไป ซึ่งปุ้มบอกว่าเธอเป็นเช่นนี้บ่อย

"บางที การนอนไม่หลับและนอนดึกก็มีผลกระทบต่อการเรียนอยู่บ้าง อย่างเช่นบางวันร่างกายเราจะง่วงตอนหกโมงเช้า นอนยังไงก็ไม่หลับ เพิ่งมานอนหลับตอนหกโมงเช้า แล้ววันนั้นดันมีเรียนตอนเก้าโมงเช้า เวลาไปเรียนก็จะเบลอๆ แต่ก็พยายามหาเวลานอนชดเชย"

พยายามปรับเวลานอนเหมือนกัน แต่ทำได้สักพัก เพื่อนก็ลากไปนั่นนี่ ทำให้หมดเขตในการปรับสภาพ กลับมานอนดึกตามแบบที่เคยเป็น...

Sleepless Business

แม้จะระบุเป็นตัวเลขชัดๆ ไม่ได้ว่า จำนวนคนที่ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนตอนกลางคืนมีเท่าไร แต่ที่บอกได้แน่ๆ คือคนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่น้อยเลย อาจเพราะไลฟ์สไตล์ยามราตรีทุกวันนี้มีไม่ต่างไปจากกลางวัน ไม่ว่าจะดูหนัง กินข้าว เช่าวิดีโอ สังสรรค์ อ่านหนังสือ หรือนัดกับเพื่อน ฯลฯ..."เงื่อนเวลา" จึงไม่ใช่ปัญหาของคนกลุ่มนี้ !

หลากหลายธุรกิจที่ตอบสนองคนนอนดึกถึงได้ผุดขึ้นมาเพียบ...

ยกตัวอย่างธุรกิจเช่าสนามบอลที่เปิดให้เตะตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนักเรียนทั้งผู้ใหญ่วัยทำงานจะมีเวลาว่างก็ต่อเมื่อหลังเลิกเรียนหลังเลิกงาน ซึ่งอาจล่วงเลยเวลาพระอาทิตย์ทำงานไปแล้ว สนามบอลให้เช่ามีหลายแบบ ทั้งสนามในร่ม สนามหญ้าเทียม ซึ่งน่าสังเกตว่า โดยทั่วไปเรตอัตราค่าเช่าสนามในช่วงเวลากลางคืนนั้นจะแพงกว่าช่วงเวลากลางวันอีกด้วย เช่น 06.00-18.00 น. คิดราคาชั่วโมงละ 800-1,000 บาท แต่เมื่อนาฬิกาเวียนเข้าสู่ 18.00-06.00 น. ราคากลับเพิ่มเป็นชั่วโมงละ 1,200-1,500 บาท

ถ้าผู้ชายไปเตะบอล แล้วผู้หญิงล่ะไปไหน...ขอบอกว่า เดี๋ยวนี้เขามีร้านเสริมสวย 24 ชั่วโมง เพื่อลูกค้าที่อาจต้องการลุกที่เนี้ยบในเวลาไม่ปกติ เช่น ที่ร้าน "My Hair" ใกล้สี่แยกห้วยขวาง-รัชดาฯ ห่างจากรถไฟใต้ดิน MRTA ห้วยขวางแค่ 5 นาที พนักงานผลัดเวียนให้บริการเป็นกะ ให้บริการตั้งแต่สระไดร์, สระ ซอย เซต, อบไอน้ำ, เคลือบเงาผม, โกรก-ไฮไลต์, ยืดผมถาวร, ต่อผม, ดัดผม, ดัดผมดิจิทัลไฟฟ้า, ผูกผมไฮไลต์ประกายเส้นต่อเส้น บริการแต่งหน้าทั่วไป ต่อขนตาถาวร รวมไปถึงทำเล็บ เปลี่ยนสีเล็บ ฯลฯ

ไม่ใช่แค่บริการเพื่อไลฟ์สไตล์ ยังมีบริการที่ปรึกษาเพื่อลูกค้าธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง "K-BIZ Contact Center" กสิกรไทย เปิดสายตรงให้บริการสอบถามข้อมูล แก้ปัญหา และให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ เกี่ยวกับธุรกรรมทางด้านบัญชีและการเงิน ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคาร รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการทางด้านการเงิน สินเชื่อเพื่อธุรกิจ...ใครสนใจลองจิ้มไปที่เบอร์ 0-2888-8822

สำหรับธุรกิจที่ครองแชมป์เปิดดึกมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นธุรกิจอาหาร...เห็นชัดๆ เลย โดยเฉพาะในย่านชุนชนเมืองที่ไม่ค่อยหลับใหล

ไล่มาตามเส้นรถไฟฟ้าตั้งแต่เอกมัย..."บ้านใร่กาแฟ" เป็นร้านกาแฟหัวมุมปากซอยเอกมัยที่เปิดทั้งวันทั้งคืน บางคนใช้เป็นที่นัดพบ บางคนใช้เป็นที่แวะพักหลังแฮงเอาต์ ขณะที่บางคนเลือกมานั่งอ่านหนังสือ

มาถึงสีลม "Bug&Bee" FUSION FOOD 24 ชั่วโมง หลังจากช่วงเย็นที่ผู้คนล้นหลาม ยามดึกก็กลายเป็นแหล่งนัดพบ เนื่องด้วยสีสันของร้าน ตลอดจนการออกแบบมุมต่างๆ มีความเป็นไลฟ์สไตล์เหมาะเจาะกับตัวคนละแวกนี้ที่เน้นข้อมูลข่าวสารที่ว่องไว รวดเร็ว และใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม พร้อมที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ไม่ไกลกัน ร้าน McDonald"s แฮมเบอร์เกอร์ 24 ชั่วโมง ก็เปิดสว่างเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าลูกค้าที่เข้าร้านหลังเที่ยงคืนมียอดใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ 120-140 บาท ซึ่งสูงกว่าในช่วงกลางวันซึ่งอยู่ที่ 80 บาท จึงอย่าได้แปลกใจ หากไปพบเจอ McDonald"s ที่สาขาไหน แล้วตี 1 ตี 2 ยังเปิดอยู่ เพราะเขาตั้งเป้าขยายสาขาร้าน 24 ชั่วโมงให้ได้ถึง 40 สาขาโน่น

นอกจากฟาสต์ฟู้ดแล้ว ยังมีซูเปอร์มาร์เก็ต FOODLAND ซึ่งเปิด 24 ชั่วโมงมา 16-17 ปีแล้ว ยังมีร้านอาหารที่เปิดทั้งวันทั้งคืนยังมีอีก ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวสองสี่ ร้านลี่ โชคดีติ่มซำ ฯลฯ แม้แต่ร้านข้าวเหนียวมะม่วงแม่วารี ปากซอยทองหล่อ สุขุมวิท 55 ก็เปิดขายทั้งคืนกับเขาด้วย

คลินิกนอนไม่หลับ

ที่ผ่านมา มีผลสำรวจจากหลายสำนักพากันฟันธงตรงกันว่าคนไทยกำลังประสบปัญหาเครียด ตกอยู่ในห้วงความทุกข์

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เคยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 2,542 คน (ชาย 1,078 คน 42.41% หญิง 1,464 คน 57.59%) เมื่อราวๆ ต้นปี ปรากฏว่าคนไทยเครียดกับปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ พอๆ กันถึง 42.40% (ชาย 37.66% หญิง 47.13%) เครียดเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า 29.86% (ชาย 28.57% หญิง 31.15%) เครียดเรื่องการเมืองมากกว่า 18.53% (ชาย 22.73% หญิง 14.34%)

จำนวนนี้มีคนไม่เครียดอยู่แค่ 9.21%

ขณะที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม สำรวจ 10 สถานการณ์เด่นสุขภาพคนไทย พบสังคมไทยแย่ ตกอยู่ในห้วงความทุกข์ เครียดการเมืองแบ่งขั้ว-ยาเสพย์ติดกลับมาระบาด-น้ำมันแพง-ซึมเศร้าฆ่าตัวตายกระฉูด-ซีแอล-ภัยทางเพศ-เมลามีน-เอดส์

ความสุขของคนไทยหดหายมาก จนสถาบันจัดอันดับความสุขของโลกจัดให้ไทยเป็นประเทศที่มีความสุขเป็นอันดับรองสุดท้ายของกลุ่มประเทศอาเซียน !

ข้อบ่งชี้จากผลสำรวจทั้งสองสำนักอาจมองได้ในภาพรวม

แต่ภาพความจริงเป็นอะไรที่ยิ่งกว่า เพราะ นายแพทย์วรวิทย์ กิติศักดิ์รณกรณ์ แพทย์

ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และ Fungtional Medicine แห่งตรัยยา เฮลท์แคร์ บอกว่า ทุกวันนี้คนไทยประสบปัญหานอนไม่หลับเป็นจำนวนมาก เคสใหม่ที่เข้ามาปรึกษาหมอในคลินิกนอนไม่หลับมีตลอด ทั้งอาการเริ่มต้น เป็นๆ หายๆ และที่เป็นแบบเรื้อรังต้องรักษาต่อเนื่อง

"กลุ่มที่ประสบปัญหามากที่สุดจะมีอายุอยู่ระหว่าง 30-50 ปี โดยเฉพาะนักธุรกิจจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีปัจจัยหลายด้านเข้ามารุมเร้า อีกทั้งยังขาดทักษะการจัดการความเครียด ส่วนผู้หญิงที่มีอายุมากเลย 30 ปีขึ้นไป เซลล์ในร่างกายทุกส่วนจะทำงานลดลง หัวใจปั้มเลือดได้น้อยลง ฮอร์โมนบางตัวเกี่ยวกับการเผาผลาญเริ่มลดลง ทำให้มีน้ำหนักตัวมากขึ้น อาทิ โกรทฮอร์โมน ที่หากลดลง พุงจะออก กล้ามเนื้อจะหด รวมถึงฮอร์โมนบางตัวที่เกี่ยวกับการนอนก็จะลดลง ทำให้คนนอนไม่หลับ เช่นเมลาโตนินที่สร้างจากต่อมไร้ท่อในสมอง ปกติจะช่วยให้หลับปกติ ถ้าเกิดการหยุดสร้างก็จะมีปัญหา"

...การนอนของคนเรามีด้วยกัน 4 ระยะ ระยะแรก จะหลับตา แต่จะรู้สึกตื่นเองได้ ระยะที่สอง จะเริ่มหลับลึกขึ้น แต่ใครปลุกก็ตื่น ระยะที่สาม หลับลึกขึ้นจนต้องใช้เวลาปลุกนานขึ้น ระยะที่สี่ คือหลับสนิท ปลุกยากเลย ซึ่งในระยะสี่นี้จะทำให้ร่างกายกำจัดของเสีย ระบบทำงานได้

"การนอนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้านอนไม่หลับสนิท หรือไม่พอ อาจจะทำให้เกิดการเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดในสมอง มีผลวิจัยชิ้นหนึ่งที่อเมริกาพบว่าอุบัติเหตุ 1 แสนครั้งในเมืองลุงแซมเกิดจากการง่วงนอนทั้งสิ้น"

นายแพทย์วรวิทย์ยังบอกอีกว่า คลินิกนอนไม่หลับของเราเปิดทุกวัน ก็มีคนเข้ามาปรึกษาใหม่ทุกวัน ซึ่งพอรับรักษาก็จะแบ่งการรักษาเป็นเฟสต่างๆ ทั้งจิตวิทยา ธรรมชาติบำบัด ฝังเข็ม จะเป็นระบบการรักษา ซึ่งผู้ที่ประสบปัญหาส่วนใหญ่จะนอนหลับได้แค่ในระยะที่ 2 คือเป็นแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบลึก

...ผู้หญิงมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงที่มีปัญหาการนอนหลับไม่สนิทมีแนวโน้มที่จะมีอาการผิดปกติของร่างกายและจิตใจ เช่น อาการหวาดระแวงต่างๆ อารมณ์

เกรี้ยวกราด อาการซึมเศร้า อีกทั้งยังมีการสำรวจพบว่าปัจจุบันมีการใช้ยานอนหลับมากขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบข้อมูลระหว่างปี 1998 ถึง 2006 โดยมีการใช้ยานอนหลับเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ กลุ่มช่วงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงและคนวัยทำงาน !

สินค้าเพื่อการหลับ

ไม่เพียงแค่บริการ หากแต่ได้ลองสำรวจสินค้าในตลาดแล้ว สินค้าที่ชูคอนเซ็ปต์เพื่อการผ่อนคลายและการนอนหลับนั้นมีอยู่มากมายทีเดียว

ว่ากันว่า การหลับกลายเป็นเทรนด์ที่หลายธุรกิจในอเมริกาตื่นตัวเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนพากันกลัวแก่ เนื่องจากความเชื่อที่ว่า นอนไม่พอทำให้แก่เร็ว !

ในอเมริกาจึงมีการจัดตั้งโครงการนอนเพื่อชีวิต (Sleep for Life) ของ ดร.แครอล แอช ที่ได้ศึกษาเรื่องการนอนมาตั้งแต่ปี 1992 ตั้งอยู่ในเมืองฮิลส์โบโร รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกด้านการนอนที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ โดยโครงการได้รับความร่วมมือจากแพทย์ในเกือบทุกสาขา เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจ, ประสาทแพทย์, ศัลยแพทย์, จิตแพทย์ หรือแม้แต่ทันตแพทย์

สิ่งที่ ดร.แอชเปิดเผยก็คือต่อไปผู้คนจะได้พบกับศูนย์การนอนตามสถาบันทางการแพทย์ขนาดใหญ่ทั้งหมด เพราะในตอนนี้ แพทย์จำนวนมากเริ่มให้ความสำคัญกับการนอนเป็นอย่างมากพอๆ กับระบบอื่นๆ ของร่างกาย โดยเชื่อว่าการหลับพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานและเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหารุนแรงต่างๆ ได้

...ไม่แปลกที่ตอนนี้ชาวอเมริกันจำนวน 70 ล้านคนต้องเผชิญกับปัญหาด้านการนอนหลับ จนต้องอาศัยอย่างอื่นเป็นที่พึ่ง

ในอเมริกาสินค้าเพื่อการหลับฝันดีจึงทยอยออกสู่ตลาดอย่างมากมาย ทั้งอุปกรณ์การนอนที่เน้นการปรับโมเดลเพื่อการนอนหลับสนิท สเปรย์ฉีดพ่นบนเตียงนอนเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะง่วงเร็วและหลับลึก อีกทั้งยังมีอุปกรณ์อาบน้ำที่ปรุงแต่งเพื่อให้คนนอนหลับได้สบาย โดยการนำกลิ่นบำบัดอย่างคาโมไมล์มินต์และลาเวนเดอร์ ทั้งเจลอาบน้ำ แป้ง สบู่

คอนซูเมอร์โปรดักต์หลายอย่างจึงกลายเป็นสินค้ากึ่งสปาที่ใช้แล้วผ่อนคลาย

ไม่เพียงเท่านั้น ในแวดวงเครื่องสำอางก็ยังมีการนำเทรนด์นี้ไปใช้ โดย "ออริจินส์" เป็นแบรนด์หนึ่งที่สร้างสกินแคร์เพื่อการนอนหลับ ด้วยการจับมือกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา Dr.Andrew Weil และ Dr.Rubin Naiman คิดค้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dr.Andrew Weil for Origins Night Health ขึ้นมา

เป็นการปรุงด้วยการเพิ่มกลิ่นหอมที่ช่วยปรับคุณภาพการนอนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นสภาพผิว

Dr.Rubin Naiman เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการนอนหลับ (Sleep and Dream Specialist) เป็นผู้มากประสบการณ์ที่ดูแลคนไข้จากคนในอาชีพต่างๆ อาทิ นักธุรกิจ ผู้บริหารจาก 500 องค์กรที่มีอิทธิพลสูงสุดจากการจัดอันดับของนิตยสาร Fortune 500 รวมถึงดารานักแสดง หรือแม้แต่แม่บ้านที่มีปัญหาในเรื่องการนอนหลับ ซึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา Dr.Rubin Naiman ได้ทำงานวิจัยอย่างใกล้ชิดกับ Dr.Andrew Weil เพื่อศึกษาวิจัยวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการนอนหลับ ที่เน้นการดูแลรักษาตามหลักแพทย์องค์รวม

เพราะทั้งสองมีความเชื่อว่า

"การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอส่งผลถึงความสมบูรณ์ของสภาพผิว ช่วยดูแล บำรุง ฟื้นฟูร่างกาย จิตและวิญญาณของคนเราให้สมบูรณ์ได้"

นั่นแหละประเด็นที่จุดประกายให้คนทั้งโลกอยากนอนหลับ... :D (หน้าพิเศษ D-Life)

หน้า 4
 
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02dlf03250552&day=2009-05-25&sectionid=0225


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!