วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สภากาชาดปรับเกณฑ์ไม่รับเลือดกลุ่มเกย์-คนสำส่อน หวั่นเป็นแหล่งติดเชื้อ

สภากาชาดปรับเกณฑ์ไม่รับเลือดกลุ่มเกย์-คนสำส่อน หวั่นเป็นแหล่งติดเชื้อ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2552 16:38 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


ศิลปินจากค่ายนพพรซิลเวอร์โกลด์ จ๊อบ & จอย และ ชลอภิชาติ

ศิลปินจากค่ายนพพรซิลเวอร์โกลด์ จ๊อบ & จอย และ ชลอภิชาติ

สภากาชาดไทยปรับเกณฑ์การบริจาคเลือดใหม่ ผู้มีพฤติกรรมสำส่อนทุกเพศ รวมถึงกลุ่มรักเพศเดียวกันต้องห้าม ส่วนอายุผู้ให้เปลี่ยนจาก 18-60 ปี เป็น 17-70 ปี อายุ 17 ต้องมีใบรับรองจากผู้ปกครอง 60 ปีขึ้นไปต้องมีใบรับรองแพทย์ พร้อมเปลี่ยนแบบสอบถามเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจไม่มีผู้คัดค้าน
       
       วันที่ 29 พฤษภาคม พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า คณะอนุกรรมการวิชาการในคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย ได้ปรับเปลี่ยนแบบสอบถามในการคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยศูนย์บริการโลหิตฯส่วนกลางได้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นกระดาษเอ 4 จากเดิมที่มีขนาดเพียงครึ่งเดียว รวมทั้งเรื่องของอายุผู้บริจาคและมาตรการคัดกรองพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของทุกเพศ รวมถึงกลุ่มรักเพศเดียวกันด้วย ทั้งนี้จะเริ่มพร้อมกันภายในสิ้นปีนี้
       
       พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวต่อว่า สภากาชาดฯ ได้ปรับเปลี่ยนแบบสอบถามของผู้บริจาคโลหิตให้มีความครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มเติมคำถามของพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ในข้อ 12 เป็น 4 ข้อย่อย โดยมิได้เฉพาะเจาะจงบุคคลหรืออาชีพใด หากผู้บริจาคโลหิตไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือคู่นอนของตัวเองมีพฤติกรรมเสี่ยงก็จำเป็นต้องงดการรับบริจาคโลหิตอย่างถาวร และไม่แนะนำให้ปกปิดข้อมูล เพราะการบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญกุศล ซึ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้รับโลหิตด้วย ไม่ใช่โยนให้เป็นหน้าที่ของสภากาชาดฯเพียงอย่างเดียว
       
       “กลุ่มรักเพศเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยกับแบบสอบถามที่ห้ามผู้รักเพศเดียวกันบริจาคโลหิต ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว โดยไม่ต้องนำแบบสอบถามที่ปรับปรุงใหม่นี้ไปให้ตรวจดูอีก เพราะแบบสอบถามฉบับนี้ครอบคลุมห้ามทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัย ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศโดยไม่ป้องกันให้ควรงดการบริจาคโลหิตแต่ไม่ได้เจาะจงเพศหนึ่งเพศใด ซึ่งเราโยนความรับผิดชอบนี้กลับไปที่ทุกเพศ เพราะไม่ว่าจะเป็นชายรักชาย หรือแม้แต่ชายรักหญิงที่มีคู่นอนหลายคู่ก็ต้องแนะนำว่าไม่ควรบริจาค เพราะถ้าสำส่อนโลหิตก็มีโอกาสติดเชื้อ ดังนั้นถ้าอยากบริจาคโลหิตก็ชักชวนผู้อื่นมาบริจาคก็ถือว่าเป็นการทำบุญเช่นกัน”พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว
       
       พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนในส่วนเกณฑ์อายุของผู้บริจาค คือ ให้ผู้บริจาคโลหิตได้ 17-70 ปี จากเดิม 18-60 ปี แต่หากผู้มีอายุ 17 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี จะต้องมีใบรับรองจากผู้ปกครอง เช่นเดียวกับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะต้องใบรับรองจากแพทย์ว่าสามารถบริจาคโลหิตได้
       
       “นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่คัดกรองผู้บริจาคโลหิตได้สอบถามประวัติการเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วย เพราะหากเดินทางกลับมาภายใน 15 วัน แนะนำว่าให้งดบริจาคโลหิตก่อน เพื่อดูอาการป่วย แต่โรคดังกล่าวเป็นโรคระบาดที่มาเร็วไปเร็วอาการไม่ค้างอยู่ในผู้ป่วยนาน จึงไม่จำเป็นต้องระบุข้อคัดกรองในแบบสอบถามแต่อย่างใด”
พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว
       
       พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สภากาชาดไทยได้ตั้งเป้าในปี 2558 ให้จัดหาผู้บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ 100% เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้สมัครใจมาบริจาคอยู่ประมาณ 93% ที่เหลือจะเป็นกรณีที่สถานพยาบาลไม่สามารถหาโลหิตได้ทัน จึงจำเป็นต้องมีการซื้อขาย โดยให้ค่าตอบแทนกับผู้ที่จะมาบริจาคให้ ซึ่งยอดในขณะนี้มีประมาณ 0.2% ส่วนการจัดหาผู้บริจาคโลหิตจากญาติของผู้ป่วยเองมีประมาณ 7-10% ทั้งนี้จะต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่า ในกรณีที่เป็นญาตินั้นเป็นญาติจริงหรือแอบมีการซื้อขายโลหิต โดยให้ค่าตอบแทนกับผู้มาบริจาค ซึ่งเป้าหมายของสภาฯ คือ การที่ไม่ต้องซื้อโลหิต รวมถึงการประกาศฉุกเฉินระดมผู้บริจาคโลหิตใดๆ เลย แต่ต้องการให้มีผู้บริจาคโลหิตในคลังเลือดเพียงพอ และอยู่ในตู้แช่ของสถานพยาบาลอย่างพร้อมใช้งาน
       
       อนึ่ง แบบสอบถามผู้บริจาคโลหิตที่เพิ่มเติม เช่น ข้อ 12 พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ 12.1 ท่านมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ของท่านหรือไม่ 12.2 ท่านมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน (เฉพาะเพศชาย) 12.3 คู่ของท่านมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น 12.4 คู่ของท่านมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน(ตอบเฉพาะเพศหญิงที่มีคู่เป็นชาย)

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060517