วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อย่าทำลายพลังตัวตน ด้วยการแต่งตามอำเภอใจตน !

Dress code (2.)
อย่าทำลายพลังตัวตน ด้วยการแต่งตามอำเภอใจตน !
โดย แดงส์ ตักสิลา 29 มิถุนายน 2552 20:30 น.
       fashionhora@gmail.com
       


       ครั้งที่แล้วนำเอา Dress Code มาชี้แนะสาวทำงานให้ตระหนักถึงการให้ความสำคัญต่อ Dress Code ซึ่งเป็นรหัสมาตรฐานการแต่งกายออกสังคม ก็ได้ภาพสะท้อนที่หลากหลายจากผู้อ่าน ทั้งที่เป็นแฟนประจำ และแวะเวียนมาอ่าน ต่างคนต่างมุมมองก็เป็นเรื่องธรรมดา
       
       ในความเป็นจริงผู้คนในสังคมไทยปัจจุบันถูก Dress Code ครอบงำกันโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว มิใช่สิ่งแปลกใหม่ หรือเรื่องดัดจริตใดๆ ต่างก้มหน้าก้มตาเดินตามก้นผู้นำด้าน Dress Code กันอยู่แล้ว
       
       แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เราเลือกแต่งสะท้อนพลังตัวตนตาม Dress Code นั้นๆ ผิดวาระโอกาส และกาลเทศะหรือไม่ คือ สิ่งที่ต้องหันมาทบทวน อย่าแต่งตามอำเภอใจตน หรือกลุ่มตน ด้วยความเชื่อของตนเองในลักษณะอารมณ์ "ช่างมันฉันไม่แคร์"
       
       ลองสังเกตอิทธิพลต้นแบบ Dress Code ต่อไปนี้ดูกันหน่อยไหมว่า ผู้มาทีหลัง เมื่อต้องแต่งตัวให้ตรงตามภาพลักษณ์ตัวตนต้นแบบ และรู้ด้วยว่าต้องแต่งด้วยองค์ประกอบศีรษะจรดเท้าอย่างไร ตลอดจนต้องปรับท่าทีท่าทางให้สอดคล้อง กับต้นแบบพลังตัวตนตาม Dress Code นั้นด้วย

       อาทิ
       
       ทำไมนักร้องเพลงเพื่อชีวิตต้องแต่งกายแนวเดียวกันทุกคน ?
       ทำไมนักร้องลูกทุ่งชายเดี๋ยวนี้ต้องแต่งกายแนวเดียวกับก็อต จักรพันธ์ ?
       ทำไมนักขี่ช็อปเปอร์ต้องแต่งกายศีรษะจรดเท้า ด้วยรูปลักษณ์เดียวกัน ?
       ดาราสาวเวลาออกงาน ทำไมต้องแต่งตัวดันอกดันนมให้ตู้มทะลักล้นตามกันแทบทุกคน ?
       สาวไฮโซสูงวัย ทำไมต้องทำผมทรงตีโป่ง ยีฟู หัวโต ?
       สาวเทียม ทำไมแต่งตัวและเดินเหินเกินความเป็นหญิงแท้เกือบทุกคน ?
       นักร้องวัยรุ่นไทยชายหญิงประเภทดูโอ หรือทีม ทำไมแต่งกายและลีลาสไตล์เกาหลีกันหมด ?
       ทำไมดีเจวีเจต้องมีลีลาเสียง สไตล์การพูดท่าทางเหมือนๆ กันไปหมด ?
       ทำไมสาวๆ ตอนนี้ต้องมีดอกไม้ดอกโตติดผมด้านข้าง หลากสไตล์ โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเข้ากับใบหน้า หรือเสื้อผ้าที่ตัวเองแต่งไหม ติดกันเหมือนเป็นเครื่องรางของขลัง เพราะอะไร ?
       อ้อ ! แถมอีกข้อหนึ่งทำไมคู่บ่าวสาวต้องถ่ายภาพ หรือทำวีดิทัศน มาตั้งโชว์ในงาน ฉายให้แขกชมในงาน แทบจะเหมือนๆ กันไปหมด ?
       

       นั่นแหละครับคือ Dress code ที่ถูกกำหนดโดยต้นแบบตัวตน ของแต่ละอาชีพ แต่ละรูปแบบกิจกรรมทางสังคม แต่ถามว่าแต่งแล้วดูดี มีพลังตัวตน ตามอาชีพนั้นหรือไม่ ต้องพิจารณากันเอง
       
       แต่ที่แน่ๆ ไม่มีพลังตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตนแน่นอน เพราะเป็น Dress code แนวต้องแต่งตามให้ดูดี ดูเหมือน เท่าทัน เท่าเทียม

       เวลาดูหนังเรื่องสามก๊ก สังเกตเครื่องแต่งกายที่ Costume Designer ออกแบบและจัดทำให้ จะคำนึงถึงพลังภาพลักษณ์ตัวตน (HEP's Image Power) ของตัวแสดงแต่ละคน นักออกแบบเครื่องแต่งกายเพื่อการแสดง (Costume Designer) ทำงานแตกต่างจากนักออกแบบแฟชั่น (Fashion Designer) หรือฝ่ายจัดรูปแบบแล้วจัดหาเสื้อผ้าตามสไตล์ (Stylist) เพราะ Costume Designer ต้องตีโจทย์ให้ละเอียดถึงพลังตัวตนตัวแสดงแต่ละคนให้ชัดว่า แต่ละคนมีรูปแบบวิถีชีวิตมีนิสัยพฤติกรรมอย่างไร
       
       ดังนั้นเวลาตัวแสดงนั้นนำเสนอบทบาทที่ตรงตามบุคลิก และมีเครื่องแต่งกายที่ได้ออกแบบให้ดูดีมีพลังตัวตนสัมพันธ์กับบทบาทนั้น ทำให้เรามีอารมณ์คล้อยตามไปกับตัวตนของแต่ละตัวแสดง
       
       ชีวิตประจำวันของเราก็เช่นกัน เราต้องไปปรากฏกายให้คนอื่นได้สัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ และบางทีเราก็อาจจะไม่เคยใส่ใจในภาพรวมพลังตัวตน อันสะท้อนไปสู่สายตาคนอื่นด้วยสไตล์การแต่งกายที่เราแต่ง จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่มีชื่อเสียง มีโอกาสปรากฏตัวผ่านสื่อ หรือในงานสังคม ที่สื่อทุกสาขาถ่ายภาพไปเผยแพร่ และทำให้เกิดเป็นกระแสค่านิยมต้นแบบ Dress Code ให้แต่งตามกันทั้งเมือง...
       
       เคยแนะว่าการแต่งกายต้องบริหารสมดุล 4 วิถีชีวิตตัวตนให้ดูดี มีพลัง เหมาะสมลงตัวกับบทบาทหน้าที่ และสถานะภาพในการไปปรากฏกาย ลองทบทวนอีกครั้งดีไหมครับ
       
       1. วิถีชีวิตตัวตนส่วนตัว (Personal Lifestyle) ความพึงพอใจ รสนิยม ค่านิยม ความเชื่อ ที่เป็นอารมณ์ส่วนตัว ควรมีสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของภาพรวมการแต่งกายโดยรวม ต้องกำหนด
       
       2. วิถีชีวิตตัวตนอาชีพ (Career Lifestyle) รูปแบบเฉพาะแต่ละอาชีพแตกต่างกัน บางคนคิดว่าทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่ค่อยมีใครเห็น แต่ลืมไปว่าเวลาเข้าไปในที่ทำงานก็ต้องเดินผ่านให้ผู้คนมองเห็น ควรให้ความสำคัญจัดเปอร์เซ็นต์สะท้อนพลังตัวตนอาชีพให้ชัด

       3. วิถีชีวิตตัวตนองค์กร (Workplace /Corporate Lifestyle) แต่ละสถานที่ทำงาน หรือแต่ละองค์กรต่างมีวัฒนธรรม หรือภาพลักษณ์แตกต่างกัน อาจเป็นที่รวมของคนหลากอาชีพ หลากรสนิยม แต่ที่แน่ๆ อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ควรจัดเปอร์เซ็นต์สะท้อนพลังตัวตนองค์กรให้ชัดเจนด้วย
       
       4. วิถีชีวิตตัวตนทางสังคม (Social Lifestyle) การไปปรากกฎกายในแต่ละสังคม ต้องตระหนักว่า กำลังไปอยู่ ณ ที่นั้นด้วยสถานภาพใด ฐานะส่วนตัว หรือตัวแทนองค์กร ต้องจัดเปอร์เซ็นต์สะท้อนพลังตัวตนให้เหมาะสมกับสังคมนั้นๆ
       
       ดูแล้วเหมือนมันเป็นเรื่องยุ่งยาก และไม่น่าจะต้องมาวุ่นวายแนะนำ แต่ก็ลองกวาดสายตา มองดูรอบๆ ตัวเรา บนถนน ในร้านอาหาร ในศูนย์การค้า ในห้างสรรพสินค้า ในรายการทีวี ข่าวผ่านเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ภาพที่เรามองเห็นลองพิจาณาดูแล้วถามตัวเอง ตอบด้วยความจริงใจว่า มันมีภาพรวมดูดี เหมาะสม ลงตัว กับแต่ละผู้คน..ทุกคนไหม ?
       
       ตั้งใจจะนำสาระศัพท์เฉพาะมาชี้แนะ แต่เห็นว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจในนิยาม Dress code ว่าเป็นเรื่องใหม่ แต่ไม่ใช่ครับ เป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะสาวทำงานต้องให้ความสนใจ เตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสภาวะของการปรากฏกาย
       
       แล้วพบกันอีกสัก 1 ตอนนะครับ ว่าด้วยศัพท์เฉพาะของ Business Dress Code
       
       หมายเหตุ: ประเทศไทยมีวัฒนธรรมการแต่งกายเฉพาะโอกาสที่มีข้อกำหนดรายละเอียดให้สืบทอดมายาวนาน โดยเฉพาะการแต่งกายในพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งเวลาผู้จะไปร่วมงาน หรือพระราชพิธีใด จะต้องยึดถือและปฏิบัติตาม ซึ่งวัฒนธรรมการแต่งกายดังกล่าวเปรียบเป็นศัพท์การแต่งกายสากลว่า Dress Code และเป็นนิยามมาตรฐานสากลที่คนทั้งโลกเข้าใจ
       
http://www.manager.co.th/lady/viewnews.aspx?NewsID=9520000073607


Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com




What can you do with the new Windows Live? Find out