วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จัดรหัสสื่อพลังตัวตน ชุดทำงาน 3 สไตล์


จัดรหัสสื่อพลังตัวตน ชุดทำงาน 3 สไตล์
Uniform, Unity, Freestyle
โดย แดงส์ ตักสิลา 1 มิถุนายน 2552 12:09 น.
       เรื่องง่ายๆ เรื่องธรรมดา เรื่องปกติ หมุนเวียนต่อเนื่องตามวันเวลาที่แต่งตัวออกไปทำงาน ที่กลายมาเป็นผลลัพธ์ที่ซ่อนเร้นในอารมณ์ส่วนลึกของแต่ละคน และแต่ละกลุ่มสังคมสาวทำงาน
       

       ภาพรวมที่ปรากฏบนกระจกเงาส่องเต็มตัว เป็นผลลัพธ์เมื่อผสมผสานชิ้นส่วนต่างๆ ที่เรียกว่า เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ใส่ซ้อนคลุมไปบนเรือนร่าง ภาพที่ปรากฏประเมินด้วยอารมณ์และเหตุผล ทบทวน ทำใจ ชื่นใจ แล้วสูดลมหายใจ ยืดอก เดินออกไปขึ้นรถไปทำงาน ด้วยภาพที่หลากอารมณ์จากผลรวม ของชิ้นส่วน ที่เลือกแต่งเอง (Freestyle) หรือแต่งตามที่ถูกกำหนด (Uniform/ Unity) ภาพรวมนั้นมันเป็นทั้งพลังบวกและพลังลบต่อพลังตัวตน ในการมีชีวิตในที่ทำงานแต่ละวัน
       


       UNIFORM: แต่งสไตล์ยูนิฟอร์ม
       
       นิยามแรกของเครื่องแต่งกายไปทำงาน ( Workwear Style I ) หมายถึง ทุกอย่างเหมือนกันหมด รูปแบบที่ดีไซน์ คือ ชิ้นส่วน (Items) รูปทรง (Form) คอ แขน การตกแต่ง (Details) สีสันลวดลาย(Colors) และชนิดของเนื้อผ้า (Material) อาจได้มาจากการจ้างดีไซเนอร์แบรนด์ดัง หรือผู้บริหารเปิดแมกกาซีนชี้นิ้วเลือก คุยกับร้านขายผ้า ผสมผสานตามแนวคิดของผู้บริหาร สรุปแบบ แล้วฟันธง ตัดเย็บให้ทุกคนใส่เหมือนกันหมด ทุกวัย ทุกรูปร่าง ทุกหน้าตา และผิวพรรณ
       
       ข้อดี มีพลังตัวตนองค์กรเป็นเอกภาพดี เพราะสีสัน รูปแบบดูผ่านๆ เหมือนกันหมด เหมือนกองทัพ
       
       ข้อเสีย ความแตกต่างของผู้ใส่ วัยอายุ รูปร่าง ผิวพรรณ การเลือกทรงผม แต่งหน้า รองเท้ากระเป๋าถือ เครื่องประดับ ที่หลากรสนิยม เพราะผู้บริหารกำหนดไม่ได้ ทำให้เกิดมลภาวะทางสายตา

       UNITY: แต่งสไตล์ยูนิตี้
       
       นิยามสองของเครื่องแต่งกายไปทำงาน ( Workwear Style II ) หมายถึงเอกภาพด้านสีสันจากเนื้อผ้า ซึ่งอาจเป็นผ้าพื้น และผ้าที่มีการสั่งทอ หรือสั่งพิมพ์ลายสัญลักษณ์ ส่วนรูปแบบให้ไปดีไซน์หรือเลือกกันเอาเองตามใจชอบ บางทีก็อาจมีการกำหนดเป็นชิ้นส่วนหลัก เช่น กระโปรงลักษณะใด กางเกงลักษณะใด เสื้อมีปกลักษณะใด เป็นต้น
       
       ผู้บริหารไม่ได้คิดอะไรลึกล้ำนัก แค่มองไปแล้วเห็นเป็นพวกเดียวกัน ด้วยสีสันลวดลายเดียวกัน ก็พอแล้ว หรืออาจจะมีพวกลวดลายที่ดัดแปลงจากโลโก้องค์กร ก็ดูดีมีพลังในใจผู้บริหารเล็กน้อย
       
       ทีนี้ก็สนุกกันใหญ่ แฟชั่นโชว์ในที่ทำงานหลากสไตล์ ตามรสนิยม หรือกระแสค่านิยมแฟชั่นแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ถ้าจะคิดเชิงบวก ก็สนุกดี มีความหลากหลาย แต่ถ้าจะคิดเชิงลบ มันรกดีจัง เพราะอาจมีบางคน บางกลุ่ม รู้จักคิดและเข้าใจชัดว่า ควรเลือกแบบที่สะท้อนการใส่ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว ก็จะออกมาแนวเรียบๆ ดูน่าเชื่อถือ บางคนบางกลุ่มออกจากบ้านเช้ามืด กลับบ้านมืดแล้ว สไตล์ใดที่ไม่มีโอกาสแต่ง ก็นำมาสอดแทรกในชุดทำงาน ก็เลยดูแปลกๆ เหมือนชุดออกงานก็มี
       
       ยิ่งไปผสมผสานกับสไตล์ทรงผม การแต่งหน้า รองเท้ากระเป๋าถือ เครื่องประดับ ที่หากไม่จัดระเบียบให้เข้าพวกกันได้กับแบบเสื้อผ้า ก็อาจจะแย่งกันเกิด ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ภาพรวมสับสน ไม่รู้ใครเป็นใคร ก็คงไม่ต้องแยกข้อดีข้อเสีย เพราะเขียนสรุปรวมๆ แล้ว

       FREESTYLE: แต่งฟรีสไตล์
       
       นิยามสามของเครื่องแต่งกายไปทำงาน ( Workwear Style III ) หมายความตรงตามความหมายของคำว่า Free และ Style คือ อิสรเสรี อะไรก็ได้ ไม่มีกรอบบังคับ อาจมีข้อกำหนดเล็กน้อยว่าไม่ควรใส่อะไร นอกนั้นตัวใครตัวมัน
       
       ผู้บริหารคิดว่าบุคลากรควรมีเสรีภาพ และไม่ได้ใส่ใจว่า การแต่งกายตามสไตล์ตัวตนที่แตกต่างของแต่ละพลังตัวตน จะมีผลต่อพลังตัวตนองค์กรหรือไม่ วัดกันที่ผลงานเต็มๆ แต่งตัวดีแต่ผลงานแย่ กับแต่งตัวไม่ดีนักแต่ผลงานเยี่ยม หัวหน้าเจ้านายเจ้าของชั่งน้ำหนักเลือกประเด็นหลัง จึงไม่คิดที่จะให้ใส่สไตล์ Uniform หรือ Unity ให้อิสระเต็มๆ
       
       สนุกมากกว่า สิ้นเปลืองมากกว่า แต่มีชีวิตชีวากว่าเยอะเลย เพราะแต่คนได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ แยกแยะได้ชัดว่า ใครดูดี เหมาะสม ลงตัว มีพลังตัวตน มีพลังอาชีพ มีพลังองค์กร และพลังตัวตนสังคมครบด้านหรือไม่ สาวๆ ทำงานในองค์กรที่ให้แต่งกายฟรีสไตล์ ก็คงต้องตื่นมาตอนเช้า ต้องเลือกแต่ง เลือกใส่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มีอยู่ อาจซ้ำซาก จำเจ หรือต้องสิ้นเปลือกซื้อเพิ่ม ก็แล้วแต่จะเลือก

       แต่งให้ดูดี มีพลังตัวตนครบด้าน ด้วยรหัสพลังตัวตน (HEP Lifecode) ?
       
       หากไม่เคยคิดว่า นอกจากสายตาคู่เดียวคือ ของเรา มองไปในกระจกเงา เห็นภาพรวมที่ปรากฏเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังมีสายตาอีกหลายคู่มากมาย ที่เป็นกระจกเงาทางอารมณ์ หมายความว่า ถ้าสังเกต..จะเห็นภาพสะท้อนทางสายตาแต่ละคู่ว่า รู้สึกอย่างไรกับภาพรวมของการแต่งกายที่เราคิดว่าดูดี เหมาะสม ลงตัวแล้ว ยิ่งไปอยู่ในที่ทำงานก็จะมองเห็นคนอื่น และคนอื่นมองเห็นเราเช่นกัน
       
       แล้วพลังเหล่านั้นมันสื่ออารมณ์อะไรบ้างล่ะ ลองพิจารณาดูหน่อยไหม ?
       
       พลังตัวตน A สื่อภาพรวมแห่งความสงบ น่าเชื่อถือ ดูจริงจัง มั่นคง
       พลังตัวตน B สื่อภาพรวมแห่งความอ่อนโยน อบอุ่น เป็นกันเอง ประนีประนอม
       พลังตัวตน C สื่อภาพรวมแห่งความมีเสน่ห์ น่าสนใจ ตื่นตา ไม่น่าเบื่อ สนุก สุนทรีภาพ
       พลังตัวตน D สื่อภาพรวมแห่งความท้าทาย โดดเด่นสะดุดตา ตื่นเต้นเร้าใจ หวือหวา แปลกตา
       
       
พลังตัวตนทั้ง 4 จะมีอยู่ในตัวตนของทุกคน ทุกองค์กร และมักจะปรากฏเป็นพลังตัวตนหลักพลังใดพลังหนึ่งนำหน้าให้เห็นเด่นชัด แล้วตามด้วยพลังตัวตนอื่นๆ ซึ่งอาจมีเพียงแค่ 2 พลัง หรือ 3 พลัง หรือทั้ง 4 ก็ได้ ประเด็นคือตอนนี้คงต้องประเมินด้วยตนเองว่า ภาพรวมของการแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็น Uniform, Unity, Freestyle สื่อพลังตัวตนใดมากที่สุด จากนั้นลองพิจารณาพลังตัวตนอาชีพ ที่ทำพลังตัวตนองค์กรที่ทำงานด้วยว่า มีพลังตัวตนใดนำหน้า ตรงกับพลังตัวตนหลักของเรา หรือไม่ตรง
       
       เมื่อประเมินเบื้องต้นง่ายๆ ก็จะเห็นภารกิจที่ต้องปรับปรุง ปรับแต่ง หรือปรับเปลี่ยน ด้วยการลดเพิ่มพลังตัวตน ให้สัมพันธ์กับพลังตัวตนอาชีพและองค์กร
       
       ต่อไปคือหากจะเลือกแต่งกายสื่อพลังตัวตนอื่นๆ บ้าง เช่น หากเป็นคนมีพลังตัวตนหลัก A ซึ่งอาจรู้สึกว่าดูเคร่งเครียดไป อยากดูอ่อนโยนนุ่มนวลบ้าง ก็ต้องสื่อพลังตัวตน B คงต้องหาสีสันที่อ่อนหวาน ลวดลายธรรมชาติมาสอดแทรก ดังนั้นเป็นหลักง่ายๆ เบื้องต้น คือ ต้องการมีพลังตัวตนใด ก็เลือกรหัสพลังตัวตนที่ต้องการนั้น มาเป็นพลังตัวตนนำ
       
       การแต่งกายสไตล์ UNIFORM ควรทำความเข้าใจให้ได้ว่า เครื่องแบบนั้นสื่อพลังตัวตนรหัสใด แล้วปรับแต่งสไตล์ทรงผม แต่งหน้า เลือกรองเท้า ถือกระเป๋า ใส่เครื่องประดับ และน้ำหอม ให้ตรงกับรหัส
       
       
การแต่งกายสไตล์ UNITY ควรทำความเข้าใจรหัสตัวตนองค์กร ภารกิจการงานว่าอยู่ในรหัสพลังตัวตนใด แล้วไปเลือกแบบเสื้อผ้าที่น่าจะสอดคล้องสัมพันธ์กับรหัสพลังตัวตนนั้น ซึ่งคงไม่ไร้ขีดคั่นแน่นอน ต่อไปก็เช่นกัน ดูแลรูปแบบทรงผม แต่งหน้า ใส่รองเท้าถือกระเป๋าเลือกเครื่องประดับให้เหมาะสมกับรหัส
       
       การแต่งกายสไตล์ FREESTYLE
สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจในภาพลักษณ์องค์กร ลักษณะภารกิจการงานว่า เราน่าจะแต่งกายสะท้อนพลังตัวตนใด และควรจะมีรายละเอียดองค์ประกอบที่หลากหลาย แต่มีพลังสะท้อนตัวตนสัมพันธ์กันกับรหัสพลังตัวตนองค์กรหรืออาชีพ เวลาไปเลือกซื้อชิ้นส่วนเสื้อผ้า เลือกทรงผม และส่วนอื่นๆ จะได้เลือกได้อิสระภายใต้ภาพรวมรหัสตัวตนที่เข้าใจ
       

       
ปัญหาการแต่งกายสไตล์ Workwear ด้วยเงื่อนไข 3 รูปลักษณ์ดังกล่าว ยังเป็นปัญหาทางสายตาของตัวผู้แต่ง ผู้พบเห็น เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร แต่มันเหมือนเป็นเส้นผมบังภูเขา ที่แก้ได้ยากเย็นมาก เพราะขาดการพิจาณาภาพรวมด้านพลังตัวตนหลัก หากสนใจต้องการให้วิเคราะห์จัดรหัสพลังตัวตนองค์กร หรือถอดรหัสพลังตัวตนบุคลากร ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันแดงส์ตักส์ศิลา หรือ daengstaxila@gmail.com ยินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติม...
       

       ภาพประกอบจาก www.donnakaran.com

http://www.manager.co.th/lady/viewnews.aspx?NewsID=9520000061197

Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com




What can you do with the new Windows Live? Find out